Full Review Galaxy Note3 จาก Samsung
วันนี้ทางทีมงาน Sanook! Hitech บทความดีๆ หลังจากได้ลองเล่น Galaxy Note3 ของ Blogger อย่าง Dr.Bia คนเก่งของเราในมุมมองของเด็กผู้ชายธรรมดาที่ได้ลองเล่น Samsung Galaxy Note 3 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดของทางค่าย Samsung การรีวิวครั้งนี้เป็นการรีวิวแบบ No Sponsor ครับ มาชมกันดีกว่าว่ามีอะไรเด็ดๆ จากการรีวิวฝีมือของDr.Bia
สวัสดีครับ สำหรับแฟนเพจ Dr.Bia ทุกคน วันนี้ผมมีการ Review มวยคู่เปรียบ 1 คู่กับ Smart - Phone ส่งท้ายปี 2013 สำหรับทั้งสองค่ายวันนี้ผมจะมาพูดถึง Galaxy Note3 ครับ ซึ่งตอนนี้ได้ทำการวางจำหน่ายบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หากเอาเครื่องศูนย์มา Review ก็คงไม่ใช่ Dr.Bia ผมเลยจัด Note3 4G LTE Snapdragon ตัวแรงสุดโค้งมาทดสอบในคราวนี้เลย อย่าพลาดทุกช็อดนะครับ เพราะถ้าพลาดรับรองว่า คุณจะงงต่อไปว่ามันดียังไง
โดย ปกติเกือบทุกรุ่นของซัมซุงจะให้ปลั้ก 3 ขาแบบหลอกๆมา ซึ่งที่ผมบอกว่าหลอกมันคือปลั้กขาที่ 3 ทำจากพลาสติกครับไม่ใช่เหล็กแบบของ iPhone ครับ แต่ไม่มีปัญหาเรื่องการใช้งานครับ ใช้ได้ปกติเลย
หูฟังของ Note3 มาแบบใหม่ที่ดีกว่า Note2 อยู่ตรงที่ว่า สายจะเป็นแบบสายแบน ขนาด 2.2 mm หัวเสียบ 3.5 mm มาตรฐานทั่วๆไป เป็นแบบ in-ear ถามว่าเสียงเป็นไง ? เสียงดีกว่า Ear-Pod ครับ จบนะ เพราะ in-ear ย้อมดีกว่า หูธรรมดาทั่วไปอยู่แล้วเรื่องการเก็บเสียง แต่ถ้าไปวัดกับ Apple in-ear คุณภาพไม่ต่างกันครับ
ฝาหลังเหมือนเดิม เป็นพลาสติกครับ โดยที่ขอบๆ ของเครื่องนั้นถูกทำมาให้สีมันดูเหมือนทำมาจากเหล็กผสม หรืออลูมิเนียม แต่ขอโทษครับมันคือพลาสติกอัดแข็งครับ + ชุบโคเมียมครับ ถามตกก็แตกได้เหมือนกันครับ
แต่ก็ไม่ใจร้ายนะครับ ฝาหลังทำจากพลาสติก แต่ข้างหลังเป็นหนังแบบกระกบมา หนังทำมาจาก หนังสังเคราะห์แบบบางๆ ให้ความรู้สึกได้ว่านุ่มมือมากครับ และถ้าเปื้อนอะไรก็สามารถเช็ดออกได้เช่นกันครับ
ด้านในเป็นแบตเตอรี่ขนาด 3200 mAh ถ้าเล่นทั้งวัน 3G สบายๆ ครับ ไม่มีปัญหาเรื่องแบตแดงหรือเกลี้ยงแน่นอน ที่ใส่ซิมยังคงเป็น Micro-Sim และ ย้ายตำแหน่ง SD Card มาไว้เหนือซิมด้วยการเสียบเข้าไปได้เลย รวมๆ น้ำหนักเครื่องพอๆ กับ Samsung Galaxy Note 2 นะครับ
เมนูออกมาแบบมาใหม่โดยการแยกออกเป็นหมวดหมู่มากกว่าเดิมเข้าใจง่ายกว่าเดิม และที่สำคัญเรายังสามารถที่จะเรียนรู้การใช้งานคำสั่งพิเศษของพวกการโบกมือ หรือ สายหัวรับสาย และอื่นๆ อีกมากมาย
ซึ่งส่วนใหญ่ๆ ไม่ได้แตกต่างอะไรจาก Samsung Galaxy S4 มากนะครับ แต่ความน่าใช้มันอยู่ที่ขนาดสำหรับคนที่ชอบอะไรทำงานสะดวกๆ ไม่ต้องพก Tablet อีกเครื่อง
ด้วยสเป็คความแรงของมัน อันนี้บอกตรงๆ ว่าปลื้ม เพราะเครื่องศูนย์ไทยจะเป็น CPU 4 Core 1.9 แต่เครื่องนอก Snapdragon จะเป็น 4 Core 2.3 แรงกว่าแบบไม่ต้องสืบ ประหยัดไฟมากกว่าไม่ต้องห่วง แถมยังมีกราฟฟิคชิพมาเพิ่มอีก 1 ตัวเป็น Aderno
จับมา benchmark ผลก็ตามภาพครับ ถ้าเทียบกับรุ่นอื่นๆอย่าง LG G2 ก็สู่สีจนน่าสนใจมาก แต่ Note3 ลูกเล่นเยอะกว่านะครับ แต่ถ้ามองรุ่นเก่าๆ ก็อย่าเอามาเทียบเลยครับ วัดกันยากกว่าหลายประเด็นครับ
แป้นพิมพ์ไทย, อังกฤษก็สะดวกปุ่มใหญ่พิมพ์สบาย และการใช้งานสลับภาษา แทรกอักษรต่างๆก็ทำได้โดยง่ายแค่กดเหมือนกันครับหรือจะเอาปากกาเขียนเลยก็ได้ครับ ได้ทั้งหมดแล้วแต่เราสะดวกแบบไหน
ตัวปรับแต่งการเชื่อมต่อ และ ทางลัดต่างๆ ทำได้โดยการรูดลงมาแบบเดิมครับ เปรียนตำแหน่งต่างๆได้เหมือนเดิม ไม่มีอะไรแปลกใหม่ครับ
เรื่อง ดู VDO ไม่ต้องห่วงครับเต็มจอภาพไม่แตก ลื่นไหลสบาย เพราะหน้าจอมีความระเอียดสูง และเมื่อเล่น YouTube จะตัดเป็น HD ทันทีที่เราวางแนวนอนครับ ลูกเล่นเหมือน iPhone ครับ
ดึงปากกาออกมาก็จะพบกับ เมนูทางลัดการจดบันทึกต่างๆทันที ปากกาเป็นเลเซอร์ชี้จุดบนหน้าจอ โดยที่เราไม่ต้องวางปากกลงไปด้วย ไม่ว่าจะแคปภาพ หรือ แต่งภาพทำได้โดยง่ายครับ
ในส่วนของกล้องถ่ายภาพ ก็มีความระเอียดสูงมากครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องภาพแตกไม่ชัด เพราะชัดเทียบเท่ากับ iPhone 5S เผลอๆดีกว่า แต่ขาดไปอย่างเดียว iPhone 5S แท็กเจอร์ดีกว่าครับ ทำให้ได้ภาพที่สมบูรณ์ดูสบายตากว่าครับ ความละเอียด 13 ล้านถ่ายสโลโมชั่นได้แบบเดียวกัน แต่ VDO ถ่ายความละเอียดสูงสุด 4K ครับ เทพที่สุด ณ ตอนนี้ครับ
ในส่วนของเกมก็ลื่นและไหลสบายครับ เล่นได้ไม่มีสะดุดครับ ภาพไม่ได้แตกต่างอะไรจาก iPhone ครับยกเว้นเรื่องรายละเอียดที่ Android จะปรับอะไรได้เยอะกว่าเท่านั้นเอง
App ก็ไม่ได้มีความแตกต่างจาก iOS เท่าไรครับหลักๆ Line , instagram , ทุกอย่างมีในทั้งสอง OS แต่ Facebook ของ iOS นั้นมีการอัพเดทไปใกล้กว่าของ Android ครับ แต่รวมๆเหมือนกันเกือบทั้งหมดครับ
ทดสอบ การเล่น web ก็เร็วใช้ได้ดีมากครับ ไม่ว่าจะเข้าเว็ปอะไรไม่มีค้างไม่มีสะดุด แถมไวกว่า iOS ครับ เพราะบางเว็ปที่มีการรัน Flash iOS จะช้าไปนิดนึง เพราะเล่น Flash ไม่ได้เท่านั้นเองครับ
อีก 1 ฟังก์ชันสำคัญที่น่าใช้ก็คือ 2 หน้าจอนั้นเองครับ ทำงานพร้อมกันอย่างดู YouTube ไปด้วย เล่น Facebook ไปด้วยก็ไม่มีัปัญหาสะดุดครับ สบายๆ
EQ ของ Music ติดเครื่องมี Amp ติดมากับ App ด้วยนะครับ เรื่องเสียงเอาหัวเป็นประกันไม่ต้องเบิร์นไฟล์ให้เสียเวลา Note3 แจ๋มกว่าเยอะครับ EQ หลากหลาย มิติเสียงแยกชัดกว่า จังหวะเสียงดีกว่าครับ คอนเฟิร์ม
ก็อย่างว่า App ใน Play Store มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจาก Apple Store ครับเพราะเหมือนๆกันจะต่างกันได้ไงละ เพราะ App เดียวกันคนพัฒนาคนเดียวกัน มันก็มีทั้งคู่ไงครับ ^^
สเปค Samsung Galaxy Note 3 (Note III) เครื่องศูนย์ไทย อ่านดีๆนะ เพราะต่างกันเยอะ
- ขนาดของตัวเครื่อง 151.2x79.2x8.3 มิลลิเมตร
- น้ำหนักของตัวเครื่อง 168 กรัม
- หน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล
- ชิปประมวลผล Exynos 5 Octa 5420 ความเร็ว 1.9 GHz แบบ Octa-Core (สำหรับรุ่นที่ขายในไทย)
- ชิปประมวลผลกราฟฟิค Mali-T628 MP6
- หน่วยความจำ (RAM) 3 GB
- หน่วยความจำภายใน สำหรับเก็บข้อมูลขนาด 32 GB
- รองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุด 64 GB
- กล้องดิจิตอลด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED
- กล้องดิจิตอลด้านหน้า ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ขนาด 3200 mAh- รองรับการเชื่อมต่อ 3G, WiFi, GPS, A-GPS, NFC
- ระบบ Accelerometer Sensor, Proximity Sensor, Gyro Sensor
- ระบบปฏิบัติการ Android 4.3 (Jelly Bean)
สเปค Samsung Galaxy Note 3 (Note III) เครื่องนอกที่เอามา รีวิว
- ขนาดของตัวเครื่อง 151.2x79.2x8.3 มิลลิเมตร
- น้ำหนักตัวเครื่อง 168 กรัม
- หน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียด 1080x1920 พิกเซล (386 ppi) แบบ Super AMOLED
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 800 ความเร็ว 2.3 GHz แบบ Quad-Core
- หน่วยความจำ (RAM) 3 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บข้อมูลขนาด 32GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุด 64 GB
- กล้องดิจิตอลด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED
- รองรับการถ่ายวีดีโอ ที่ความละเอียดสูงสุดในระดับ UHD (4K) ความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล
- กล้องดิจิตอลด้านหน้า ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi, Bluetooth 4.0, USB 2.0, NFC
- มีระบบ GPS และ A-GPS ในตัว
- แบตเตอรี่ขนาด 3200 mAh
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Gyroscope, Compass, Thermometer, Barometer, Humidity
- เซ็นเซอร์ Light sensor, Proximity sensor
- ระบบปฏิบัติการ Android 4.3 Jelly Bean
สรุปสั้นๆ
ใครชอบอะไรจับถนัดไม่เกี่ยงเรื่องขนาด ผมว่ามันเป็นตัวเลือกที่ดีอีก 1 ตัวในราคา Start ที่ 21500 - 23800 บาทเท่านั้นเอง และกล้องก็ชัดในระดับที่ดูดี แถมปากกามีลูกเล่นที่เยอะมาก และ คำสั่งมือแค่โบกเราก็รับสายวางสาย ได้ มาพร้อมเทคโนโลยีที่ครบในเครื่อง แถมแบตก็มาอึดมาก และใช้งานหนักๆ ใน 1 วันสบายๆ
เรื่องการฟังเพลง ดู VDO บอกตรงๆกินขาดเพราะขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าความระเอียดดูดีกว่า และฟังเพลงผ่านหูฟัง ตัวเลือกนี้เด็ดจริงอะไรจริง ผมคอนเฟิร์ม ฟังในนี้เสียงก็ฟังได้ดีนะครับ
จบละ....
สนับสนุนเนื้อหา: Dr.Bia
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น