ติดตามข่าวสารอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่ thaizones.net นะครับ.. ^0^. ขับเคลื่อนโดย Blogger.

วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556

รีวิว iPad Mini Retina Display เจ้าตัวเล็ก 64 Bit แรงทะลุโลก

รีวิว iPad Mini Retina Display เจ้าตัวเล็ก 64 Bit แรงทะลุโลก
กลับมาพบกันอีกรอบกับ Review Apple โดยผมเช่นเคยครับ ตามสัญญาที่ให้ไว้เมื่อทุกครั้งที่ผม Review ผมจะนำเอาของเล่นใหม่ๆ ของ Apple มาทำการทดสอบ และ Review ก่อนใครเป็นปกติเหมือนเดิม (แฟนเพจน่าจะทราบดี) มารอบนี้ผมมีของเล่นใหม่ที่เพิ่งจะวางจำหน่ายเมื่อเช้าที่ Apple Retail Store ฮ่องกง อย่าง iPad Mini Retina Displayมาทำการ Full Review กันดีกว่า จะได้รู้กันไปเลยว่า ระหว่าง iPad Air และ iPad Mini Retina อะไรจะเด่นกว่าและทำงานได้เหมาะสมกับคุณมากกว่า ไปชมกันครับ
อันดับ แรกบอกก่อนนะครับ เครื่องที่นำมาทำการ Review ในคืนนี้ เป็นเครื่องที่มาจากประเทศฮ่องกง และ เป็นรุ่น WIFI เท่านั้น สำหรับรุ่น 4G + WIFI จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างช้าในช่วงเดือนหน้านี้ครับ ดังนั้นไม่ต้องตกใจว่าทำไมจัดรุ่น WIFI มาทำการ Review ครับ และ iPad ไม่ว่าจะซื้อที่ใดบนโลก จะเป็นประกันสินค้าของ Apple แบบ World Wide ครับผม หมายถึงกรณีเสียหรือมีปัญหา เราสามารถรับการเคลมได้จากประเทศใดก็ได้ที่เราอยู่ครับ 
 เครื่องที่ทำการแกะมาจากกล่องจะมีพลาสติกหุ้มอยู่ที่เครื่อง เราดึงออกได้เลยครับ ซึ่งจะเป็นพลาสติกใสๆ และ ปิดด้วยกาวแบบใสเท่านั้นครับ ไม่มีสก็อตเทปนะ ถ้ามีเครื่องบิ้วลงกล่องขายใหม่ครับ 
 อุปกรณ์ในกล่องมาแบบการจัดวางตำแหน่งต่างๆเหมือนเดิมทุกชิ้นครับ 
 ในกล่องของ iPad Mini Retina จะมีอุปกรณ์มาตรฐานติดมากับกล่องมีดังนี้, ปลั้กไฟแบบ 3 ขา 1 ชิ้น (ยกเว้นประเทศไทย และ US ที่จะเป็นแบบ 2 ขา) , ปลั้กไฟแบบ 10w 1 ชิ้น, สาย Lightning 1 เส้น, กล่อง และคู่มือบรรจุอยู่ในกล่องกระดาษสีขาว, สำหรับรุ่น 4G WIFI จะมีเข็มสำหรับเอาถาดซิมออก อีก 1 อันบรรจุอยู่ด้านใน และ iPad Mini Retina รุ่น 4G WIFI จะใช้ซิมแบบ Nano Sim ครับ 
 พาไปชมรอบๆตัวเครื่องก่อนครับพร้อมอธิบายสเปคของ iPad mini Retina Display ครับ หน้าจอถูกยกระดับเปลี่ยนมาใหม่เป็นแบบ Retina Display ขนาดหน้าจอ 7.9 นิ้ว มีความระเอียดที่ 2048 x 1536 มีความระเอียดต่อ 1 Pixel 326 เป็นแบบมัลติทัช พร้อมเทคโนโลยี IPS (ความระเอียดเท่า iPad Air แต่ต่อ 1 Pixel ชนะ iPad Air ไปกว่า 100 PPI )
 เรื่องขนาดและน้ำหนักโดยรวม iPad mini Retina Display มีขนาด กว้าง x ยาว x สูง วัดได้ 200 x 134.6 x 7.5 มิลลิเมตร (บางกว่ารุ่นก่อนแค่ 0.3 มิลลิเมตร) น้ำหนักรวม 331 กรัม วัสดุฝาหลังยังคงเหมือนรุ่นเดิม  
 ตัวลำโพงยังคงอยู่ตำแหน่งเดิม และเป็นลำโพงแบบ Stereo แล้วครับ พร้อมด้วยช่องสำหรับสาย Lightning อยู่ตำแหน่งเดิม
 ตำแหน่งของสวิทซ์ต่างๆ บนเครื่องยังอยู่ตำแหน่งเดิม และคงรูปแบบเดิมไว้ทั้งหมดทุกมุมครับ 
 ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 และสวิตซ์ปิดเปิดเครื่องอยู่บริเวณด้านบนของเครื่องครับ 
 กล้องหลังความระเอียด 5MP มีระบบ Autofocus  , และจับใบหน้าอัตโนมัติ , ถ่ายรูปความคมชัดสูงด้วย HDR Mode และ บันทึก VDO ที่ความระเอียด 1080P , ซูมได้ 3 เท่า กล้องถูกพัฒนาขึ้นให้มีการจับภาพที่ลด Noise ในภาพออกไปทำให้ได้ภาพที่ใส และ สะอาดตากว่ารุ่นแรกถึง 2 เท่า ถ่ายในทีมืดได้ดีกว่าเดิม 
 กล้องหน้าความระเอียดระดับ 1.2MP มีระบบ Autofocus  , และจับใบหน้าอัตโนมัติ , และ บันทึก VDO ที่ความระเอียด 720P  
 ปุ่มโฮมไม่ใช่ระบบ Touch ID ยังคงเป็นแบบเดิมครับ ขนาดเท่าเดิม
 มาดูระบบภายในเครื่องบางครับ ตัว iPad mini Retina มาพร้อมระบบ iOS7.0.3(11B511) ใช้งานผ่านระบบ WIFI เช่น Wi-Fi (802.11a/b/g/n); dual channel (2.4GHz and 5GHz) และ MIMO สำหรับรุ่น 4G WIFI จะใช้งานผ่าน Nano Sim ได้ 4G LTE ทุกค่าย และ GSM/EDGE/3G ได้ทุกระบบบนโลกครับ 
 ทดสอบ การเล่น www ผ่าน safari ในตัวเครื่อง พบว่าการทำงานของ iOS7.0.3 และ CPU ใหม่ A7 แบบ 64 Bit ที่การประมวลผ่านสูงสุดแบบ Duel Core 1.2 Ghz ลื่นไหล และทำงานได้อย่างไม่มีติดขัดใดๆ ไม่ว่าจะพลิกจอไปทางด้านไหนก็ตาม ไปตามด้านที่เราหันในทันทีในแบบลื่นไหล และ ไม่มีสะดุดใดๆทั้งสิน (จริง 100%) 
 ทดสอบ การทำงานของ App บนเครื่องผมลองทดสอบจาก App ที่ใช้งานบน iPad อย่าง infinity Blade 3 ไม่พบปัญหาแต่อย่างใด ทำงานได้อย่างราบรื่น และ สมบูรณ์แบบเช่นเดียวกับ iPad Air แต่ความระเอียดขององค์ประกอบใน App เช่น เม็ดสี และ ภาพต่างๆ iPad Mini ทำออกมาครบกว่าครับ 
 เพื่อ ให้หายคาใจ ผมเลยนำเอาทั้ง 2 App ที่สามารถทำงานได้ทั้ง iPad , iPhone อย่าง Series 9 และ Series 9 HD ของ iPad มาให้ได้ชม และ เปรียบเทียบกันสดๆครับ
 ถ้าเป็น iPad mini รุ่นแรกไม่ว่าเราจะขยาย App อะไรก็ตามที่ไม่ใช่ App ของ iPad เราจะเจอปัญหาเช่น ตัวอักษร หรือ ราลละเอียดบน App นั้นมองแทบจะไม่ชัดเลย แต่สำหรับ iPad mini retina หมดห่วงครับ ชัดแปะไม่มีแตกครับ แม้ว่าจะขายแล้วก็ตาม และการทำงาน สามารถทำงานได้เหมือนใช้บน iPhone ทุกประการครับ
 สำหรับอันนี้คือ App สำหรับ iPad มีการเอามาใช้งานบน iPad mini retina สามารถทำงานได้เช่นเดียวกับ iPad Air , iPad With Retina Display ทุกประการครับ แต่ไม่ลดคุณภาพลงแต่อย่างใด เรียกง่ายๆว่า จะใช้ App อะไรบน  iPad mini retina ไม่ต้องกลัวหรือกังวลเรื่องของภาพแตก หรือ มีปัญหาเรื่องของตัวหนังสือหยาบแต่อย่างใดครับ
 กล้องอย่าง ที่เคยบอกเอาไว้ว่ากล้องของ iPad mini retina นั้นมีการพัฒนามาใหม่ให้มีการจับภาพที่คมชัดกว่าเดิม และ มีความสว่างและใสของภาพมากกว่าเดิม  
 กล้อง VDO ก็ถูกออกแบบมาใหม่ ทำให้ใช้งานได้ไม่ขาดตกแต่อย่างใดในเครื่องแม้แต่นิดเดียว ถ่าย VDO ความละเอียดสูงสุดที่ 1080P เท่า iPad Air ครับ และคุณภาพของภาพก็ออกมาดีมากทีเดียว
 ** สรุป **
ผมก็แปลกใจเพราะครั้งนี้ Apple ดันปล่อยให้ทั้งคู่อย่าง iPad Air และ iPad Mini Retina ออกมาในสเป็คที่เท่ากัน แตกต่างกันที่ขนาดและหน้าจอ ซึ่งถ้าวัดจากการพกพา แน่นอนว่า iPad Mini Retina ทำได้ดีกว่าเพราะน้ำหนักที่เบากว่า และ ขนาดที่พกพาง่ายกว่า ในต้องเต็มไม้เต็มมือแบบ iPad Air แต่ด้วยหน้าจอขนาด 7.9 inc ผมคิดว่าการมองอะไรที่เป็นรายละเอียดทั้งหมดในจอสามารถที่จะมองได้ครบถ้วน เช่นเดียวกัน โดยที่ไม่ต้องหว่านตาไปรอบๆ จอ และ เนื่องจากเป็นเรื่องระเอียดที่ลงลึกอย่าง PPI ที่ iPad mini retina มีการกว่า iPad Air ถึง 100 PPI มันก็อาจจะมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น หากสังเกตุจากองค์ประกอบภายใน App ต่างๆแล้วจะเห็นว่าผิดกันไม่มากเท่าไร ดังนั้นถ้าจะให้ตัวไหนดีกว่าตัวไหนนั้นตัดสินยาก เพราะบางคนใช้งานที่ขนาดมากกว่าความละเอียด PPI แต่บางคนก็เน้นที่ PPI และการพกพาที่ง่ายกว่าเป็นหลัก ดังนั้นผมตัดสินให้ไม่ได้ แต่ถ้ามองเรื่องของ App ก็อย่างที่ผมอธิบายไปว่ามันทำงานได้ดีทั้งคู่ไม่มีตัวไหน ด้อยกว่า หรือ อ่อนกว่าตัวไหนทั้งสิ้น
ถ้ามองในส่วนตัวของผมเอง ถ้าให้ผมเลือกว่าจะใช้ตัวไหน (แต่ผมซื้อมาแล้วนะ) ผมใช้ iPad Air ครับเพราะการทำงานและการนำเสนองานของผม เน้นให้คนอื่นดูเป็นหลัก ดังนั้นมาตรฐานหน้าจอจะต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก ที่มองแล้วสบายตา แต่ถ้าผมไม่ได้เอาไปใช้ทำงานในการเสนองานต่างๆ เน้นการพกพาและใช้งานเล่นเฮฮาจาก App ต่างๆ ผมคิดว่า iPad Mini Retina เป็นตัวเลือกแรกๆที่น่าสนใจส่งท้ายปีนี้ เพราะอย่างที่บอก ขนาด+น้ำหนักการพกพา มันทำได้ดีกว่า และ หน้าจอหากมองลึกๆ (แต่บางคนไม่คิดเรื่องนี้) ก็มีส่วนด้วย ในราคาที่ถูกกว่า แต่ได้คุณภาพเท่ากัน แล้วเราจะจ่ายแพงกว่าทำ? จริงมั้ยครับ
แต่ถ้าหากเป็นคนใช้งาน Apple จริงๆจะรู้ว่าความน่าใช้ของ iPad ไม่ได้อยู่ที่หน้าจอ และ ความเร็วเป็นหลัก หรือ App ต่างๆ แต่การใช้งานหลักๆของคนที่ซื้อไปมีแค่เหตุผลหลักหลายข้อหนึ่งในนั้น คือ " ไม่อยากแบก Macbook , Notebook" เป็นต้น แต่ iPad ก็ไม่ได้ทำงานทั้งหมดที่ทำบน Macbook , Notebook ได้หรอกนะครับ จะต้องพึ่งพา App ที่ใช้งานช่วยด้วยเป็นหลักด้วยเช่นกัน
 จบแล้วครับ พบกันรอบหน้า Mac Pro 2013 
 ข้อมูลเฉพาะ iPad Mini Retina

App พื้นฐานที่ติดมากับ iOS 7 

App ที่เราสามารถโหลดมาใช้งานได้ฟรี ด้วย Apple ID ของเรา 

ราคา iPad Mini รุ่น WIFI ทุกความจุของประเทศไทย

ขนาดของตัวเครื่องทุกด้าน และ น้ำหนักรวม


สนับสนุนเนื้อหา: Dr.Bia

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น