ติดตามข่าวสารอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่ thaizones.net นะครับ.. ^0^. ขับเคลื่อนโดย Blogger.

วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เทียบสเปค iPad Air 2 vs iPad Air รุ่นใหม่ ดีกว่า รุ่นเก่า อย่างไร?

เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้ว สำหรับ  2 (ไอแพด แอร์ 2) แท็บเล็ตหน้าจอใหญ่รุ่นล่าสุด ที่ถือว่า เป็นรุ่นต่อยอดของ iPad Air นั่นเอง โดยดีไซน์ภายนอกของ iPad Air 2 นั้น ถ้ามองในภาพรวม จะถือว่า ไม่ต่างจาก iPad Air มากเท่าที่ควร แต่สิ่งที่จะสามารถแยกความแตกต่างระหว่าง 2 รุ่นนี้ได้ นั่นก็คือ iPad Air 2 มีขนาดที่บางกว่า, มี Touch ID ที่ปุ่ม Home และมีสีทองให้เลือกนั่นเอง
และในวันนี้ทีมงานจะมาเทียบสเปค iPad Air 2 vs iPad Air ให้ชมกันว่า iPad Air 2 นั้น พัฒนาจากรุ่นเดิมอย่างไรบ้าง
จากตารางข้างต้น จะเห็นได้ว่า iPad Air 2 นั้น ถูกอัพเกรดจาก iPad Air ในหลายๆ ด้านเลยทีเดียว อย่างแรกก็คือ ตัวเครื่องบางลงเพียง 6.1 มิลลิเมตร จากเดิม 7.5 มิลลิเมตร ซึ่งอันที่จริง iPad Air รุ่นแรก ก็มีความบางเฉียบอยู่แล้ว แต่ iPad Air 2 นั้น กลับบางลงอีกมาก และตัวเครื่องที่บางลง ทำให้น้ำหนักเบากว่าเดิมอีกด้วยครับ โดย iPad Air มีนำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 469 กรัม ในขณะที่ iPad Air 2 หนักเพียง 437 กรัมเท่านั้นเอง
ถัดมา เป็นเรื่องของชิปประมวลผลกันบ้าง โดย iPad Air 2 มาพร้อมชิปประมวลผลใหม่ล่าสุด Apple A8X แบบ 64-bit และหน่วยประมวลผล M8 motion coprocessor ที่ทางแอปเปิล เผยว่า เร็วกว่า iPad Air รุ่นแรกถึง 40% เลยทีเดียว
ส่วนกล้องด้านหลังบน iPad Air 2 ปรับความละเอียดเพิ่มขึ้น จาก 5 ล้านพิกเซล เป็น 8 ล้านพิกเซล และปรับปรุงการเชื่อมต่อ Wi-Fi โดยใช้มาตรฐาน 802.11ac ที่เร็วกว่าเดิม 2.8 เท่า และมีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดถึง 866 Mbps ครับ
แต่ความน่าสนใจของ iPad Air 2 อีกเรื่องหนึ่ง ก็คงจะเป็น ความจุแบตเตอรี่ เพราะถึงแม้ว่า iPad Air 2 จะใช้แบตเตอรี่ความจุลดลง อยู่ที่ 27.3 Whr จากเดิม 32.4 Whr บน iPad Air รุ่นแรก แต่กลับสามารถรองรับการใช้งานได้สูงสุด 10 ชั่วโมงเท่ากัน ทั้งนี้ เป็นเพราะชิป Apple A8X ตัวใหม่ และ iOS 8 ที่ช่วยทำให้ตัวเครื่องประหยัดพลังงานได้มากขึ้นกว่าเดิม
ปิดท้ายกันด้วย สีสันตัวเครื่อง น่าจะถูกอกถูกใจ คนชอบสีทองกันบ้างแล้ว เมื่อ iPad Air 2 มีสีทองมาให้เลือกอีก 1 สีในขณะที่ iPad Air รุ่นแรก ไม่มีสีทองครับ

สนับสนุนเนื้อหา: http://hitech.sanook.com/1392313

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> hitech.sanook.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น