ข่าวไอทีในช่วงสัปดาห์นี้ คงไม่มีข่าวไหนน่าสนใจไปกว่าการเปิดตัว Samsung Galaxy S6 สมาร์ทโฟนที่ถือเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อที่สุดกับ iPhone 6 ซึ่งก็มีเสียงวิจารณ์ของผู้ที่ได้รีวิวทดลองใช้จากต่างประเทศแตกต่างกันออก ไป สามารถหาอ่านได้จากทั้งเว็บไอทีหรือเว็บสาย Android
เสียงวิจารณ์จากเว็บฝั่งแอปเปิลเองในต่างประเทศก็ค่อนข้างดุเดือดไม่แพ้ กัน เพราะสมาร์ทโฟนกลุ่ม Galaxy S ก็เป็นคู่แข่งที่สำคัญที่สุดของ iPhone มาโดยตลอด และนี่คืออีกหนึ่งบทวิจารณ์จากฝั่งสาวกแอปเปิลต่อคู่แข่งรายนี้
เมื่อ Samsung ต้องยอมกลืนน้ำลายตัวเอง
คุณยังจำโฆษณาเหล่านี้ได้หรือไม่
2012 – Samsung ทำโฆษณาโชว์ว่าเหนือกว่า iPhone ที่สามารถใส่เมม microSD เพิ่มได้
ภาพจากโฆษณาโชว์ Galaxy S ดึงแบตออกมาเปลี่ยนได้ ขณะผู้ใช้ iPhone ต้องนั่งติดผนัง
2012 – Samsung โฆษณาล้อเลียนผู้ใช้ iPhone ว่าแบตหมดก็ต้องเดินเข้าผนัง เพราะเครื่องเปลี่ยนแบตไม่ได้
2013 – Samsung ล้อเลียนว่า iPhone รุ่นใหม่ มีแค่ย้ายหูฟังมาอยู่ด้านล่าง
2014 – Samsung ทำโฆษณาท้า iPhone ว่าแน่จริงมาเล่น Ice Bucket Challenge เพราะกันน้ำไม่ได้
แน่นอนว่าในตลาดมือถือระดับพรีเมียม (ราคาเกิน 20,000 บาทขึ้นไป) มีคู่แข่งอยู่มากมาย แต่ก็เป็นที่รู้กันว่า 2 สมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดคือ iPhone กับ Galaxy S
ซึ่งตลอดที่ผ่านมาซัมซุงโฆษณาตัวเองด้วยการนำเสนอสิ่งที่ “ไม่มีในไอโฟน” ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์มากมาย, เปลี่ยนแบตได้, เพิ่มเมมได้, กันน้ำ และทำโฆษณาที่ไม่ใช่เพียงโชว์ว่าเหนือกว่า แต่บางครั้งก็ล้อเลียนผู้ใช้ไอโฟนเสียด้วยซ้ำ ซึ่งก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่าความสามารถเหล่านี้ไม่มีในไอโฟน
แต่แล้วใน Galaxy S6 ที่เพิ่งเปิดตัวออกมา โฆษณาเหล่านั้นกลับมาย้อนเข้าตัวเอง เมื่อสเปคที่เผยออกมานั้น
- Galaxy S6 ไม่มีช่องเสียบ microSD
- Galaxy S6 เปลี่ยนแบตไม่ได้
- Galaxy S6 กันน้ำไม่ได้
- Galaxy S6 ย้ายหูฟังมาอยู่ด้านล่าง
- Galaxy S6 เปลี่ยนแบตไม่ได้
- Galaxy S6 กันน้ำไม่ได้
- Galaxy S6 ย้ายหูฟังมาอยู่ด้านล่าง
นอกจากนี้ การที่ไม่มี microSD ทำให้ต้องเพิ่มพื้นที่เครื่องรุ่นต่ำสุดให้เป็น 32GB รวมถึงโละแอพที่ไม่จำเป็นออกไปจำนวนมาก ทั้งที่เคยใช้โฆษณามาว่าทำได้หลากหลายมากกว่าไอโฟน
การที่ต้องยอมลดทั้งความสามารถของเครื่องลง รวมถึงสิ่งที่เคยใช้โฆษณามาโดยตลอดก่อนหน้านี้ออกไป เหตุผลก็ไม่น่าจะมีอะไรมากไปกว่าเพื่อ …
ลอก iPhone 6
ปรากฏการณ์ความฮิตของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เป็นสิ่งที่หลายคนแม้แต่แอปเปิลเองก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อน กับยอดขายถล่มทลายในทุกประเทศ จนสร้างยอดขายทะลุ 74.5 ล้านเครื่องภายในเวลาแค่ 3 เดือน (เทียบปีก่อนหน้าแค่ 47.8 ล้านเครื่อง)
จนแอปเปิลแซงซัมซุงขึ้น ไปเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 1 ของโลกได้ในไตรมาสล่าสุด ทั้งที่ขายมือถือราคาสองหมื่นกว่าบาท เทียบกับคู่แข่งที่มีราคาหลักไม่กี่พันขายด้วย
ประกอบกับยอดขายของ Galaxy S5 ที่ย่ำแย่กว่าที่หลายฝ่ายคาดคิด จนทำให้กำไรของซัมซุงเองก็ต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี โดยความเห็นส่วนใหญ่ก็พุ่งไปที่ “ดีไซน์” ของเครื่อง ที่ดูไม่สมกับราคาสองหมื่นบาทซักเท่าไหร่
ซัมซุงกลับมาพร้อมกับ Galaxy S6 ที่ใช้โลหะเป็นวัสดุด้านหน้าและด้านข้าง ส่วนด้านหลังนั้นเป็นกระจก ขอบด้านข้างทำโค้งมน ซึ่งหลายคนที่ได้เห็น รวมถึงนักข่าวเองก็ต่างช็อค และประสานเสียงออกมาว่ามันช่าง “ลอก iPhone 6″ โดยแท้
อย่างไรก็ดีเสียงชื่นชมในความสวยงามก็ตามมาด้วยเช่นกัน ซึ่งน่าจะทำให้ Galaxy S6 ทำยอดขายได้ดีกว่าที่ S5 เคยทำไว้เมื่อปีก่อน ซึ่งการให้ความสำคัญกับดีไซน์ก็น่าจะเป็นเรื่องที่หลายคนมองข้ามสิ่งที่ขาด หายไปได้บ้าง
แต่ถึงอย่างนั้น ดีไซน์ก็ไม่ใช่เพียงสิ่งเดียวที่ซัมซุงลอก iPhone 6 มา เพราะยังมี …
ระบบสแกนลายนิ้วมือ ที่เลิกใช้แบบรูดนิ้วขึ้นลงแล้ว เปลี่ยนไปใช้แบบแตะ เหมือนกับ Touch ID
หน้าจอการใช้งานระบบสแกนลายนิ้วมือ ที่เหมือน Touch ID จนไม่น่าเชื่อ
ชื่อระบบการจ่ายเงินที่เรียก Samsung Pay ก็ช่างคล้ายกับ Apple Pay
คีย์บอร์ดและระบบเดาคำ ก็ช่างคล้ายกับบน iOS 8
Galaxy S6 ยังคงเป็นคู่แข่งที่สำคัญที่สุดของ iPhone 6
ถึงแม้จะถูกสาวกหลายคนแซะอย่างหนักว่าเน้นลอก iPhone 6 แต่ถึงอย่างนั้น Galaxy S6 ก็ยังมีความสามารถที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่นระบบชาร์จไฟไร้สาย, ชาร์จไฟที่เร็วขึ้น, กล้องที่ดีขึ้น และสเปคอย่างโหด
รวมถึงการให้ความสำคัญกับดีไซน์มาเป็นเรื่องหลัก ก็น่าจะทำให้หลายคนเลิกมองซัมซุงเป็นมือถือพลาสติกก๊อปแก๊บได้ระดับ หนึ่ง แต่ถ้าถามว่าจะสามารถดึงผู้ใช้ iPhone ให้ย้ายค่ายมาได้แค่ไหนนั้น ก็ยังคงเป็นคำถามอยู่ ในเมื่อตอนนี้แทบจะไม่มีอะไรเลยที่ Galaxy S6 ทำได้ แล้ว iPhone 6 ทำไม่ได้
และคู่แข่งในกลุ่มสมาร์ทโฟน Android ที่ซัมซุงถูกถล่มอย่างหนักด้วยสงครามราคา มือถือแค่ไม่กี่พันก็มีสเปคเทพได้ อย่างเช่น Xiaomi, Zenfone ต่างก็ดึงตลาดผู้ใช้ไปได้มากเลยทีเดียว
โดยสรุปแล้ว Samsung Galaxy S6 น่าจะขายดีกว่ารุ่นก่อนหน้า แต่การตัดสินใจลดจุดเด่นต่างๆ ที่เคยทำให้ตัวเองแตกต่างจากคู่แข่ง มาเป็นทำตามเพื่อให้แข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนพรีเมียมได้นั้น ก็ดูจะเป็นการกลับมาที่ไม่สมศักดิ์ศรีเสียเท่าไหร่เลย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น