Smartwatch ใช่สำหรับเราแล้วแน่เหรอ?!?

     ปีที่แล้วมาจนถึงปีนี้ เราได้เห็นกระแสร้อนแรงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไอทีตระกูลใหม่ที่เรียกว่า Wearable device กัน เพราะว่าเฉพาะในหมวดหมู่ที่เรียกว่า Smartwatch ไม่ก็ภาษาไทยเขาชอบเรียกกันว่านาฬิกาอัจฉริยะ มีหลายแบรนด์ผลิตออกมาในหลากหลายรูปแบบทีเดียว

     กระแสมันแรงจนขนาดที่ว่า Apple เองก็ทนไม่ไหว ต้องลงมาลุยตลาดด้วย Apple Watch พร้อมกับแม้ว่าจักยังไม่มีของออกมาจำหน่าย ก็ยังต้องเอามาโหมโรงแว้บๆ ยั่วให้คนอยากได้ก่อนเลยล่ะ

     พอเห็นของใหม่ออกมา เราก็ทะเยอทะยานได้ ประสงค์ใส่กัน แต่พอเอาเข้าสุทธิๆ ผมว่าบางครั้งเราก็ต้องถามตัวเองก่อนนะว่า “มันใช่เพราะด้วยเราไม่ก็เปล่า?!?” เพราะว่าแม้มันจะชื่อวา่นาฬิกาอัจฉริยะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเหมาะกับทุกคน มันจักตอบโจทย์ของทุกคนนะครับ

     เอางี้ … สมมุติคิดว่าจะซื้อ Smartwatch ไว้ใช้ซักเรือน ลองอ่านตามนี้ดูก่อนแล้วกัน เผื่อจักได้รู้ว่าแบบไหนเหมาะกับเรา ใช่ไหมเราไม่เหมาะกับอะไรเลย (ฮา)

Standalone ใช่ไหม Companion ดี 

     ถ้าจะให้แบ่งสายเป็นแบบสองกลุ่มใหญ่ๆ เลย Smartwatch ก็พอจะแบ่งออกได้เป็นแบบที่ใช้งานได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเชื่อมต่อกับอะไร ใช่ไหมที่เรียกว่า Standalone กับแบบที่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนถึงจักใช้งานได้ ใช่ไหมที่เรียกว่า Companion ครับ

     แบบ Standalone นั้นมักจะมาพร้อมกับฮาร์ดแวร์สเปกแรงๆ หน่อย เพราะว่าต้องใช้ในการประมวลผลการทำงานต่างๆ แต่ก็แลกมาด้วยความทำเป็นที่มากขึ้น เชี่ยวชาญติดตั้ง App ได้ ปกติก็มักจักมากับหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ พร้อมด้วยเป็นได้ใส่ SIM card ได้ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทะลวงเครือข่ายโทรศัพท์ได้เลย ไม่ต้องง้อการ Tethering มาจากสมาร์ทโฟน

     บางตัวก็จักมีเซ็นเซอร์เพิ่มเข้ามาด้วย ไม่ว่าจักเป็นเซ็นเซอร์นับก้าว ไม่ก็เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ เป็นต้น บางตัวก็มีกล้องดิจิตอลมาให้ด้วย กลายเป็นเหมือนกับอุปกรณ์สายลับกันเลยทีเดียว

     แต่ Smartwatch แบบนี้ไม่ค่อยมีใครเขาทำมาก เท่าที่เห็นก็จะมี Samsung Galaxy Gear S พร้อมทั้ง Neptune Pine นี่แหละ และพวกที่เป็น Standalone นี่ แบตเตอรี่จักไม่อึดครับ อย่างเก่งก็อยู่ได้ข้ามวันแต่อย่างมากก็ไม่เกินสองวันครับ อันนี้เป็นก็เพราะว่าความที่มันมีหน่วยประมวลผลที่แรงระดับนึง

     กับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทะลุเครือข่าวโทรศัพท์มือถือนี่แหละ พร้อมทั้งเพื่อให้แบตเตอรี่อยู่ได้อึดๆ หน่อย มันก็เลยต้องใส่แบตเตอรี่เข้าไปโขนิดนึง พร้อมด้วยนั่นทำให้น้ำหนักของตัวเครื่องแอบหนักในระดับนึง

     ส่วนจำพวก Companion เนี่ย เป็นแบบที่ต้องใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนครับ โดยมากก็จะทำหน้าที่เป็นเหมือน “หน้าจอที่สอง” ของสมาร์ทโฟนครับ คือ เอาไว้แสดงข้อความแจ้งเตือนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมีสายเข้า มีคนส่งอีเมล์มา ใครโพสต์ Facebook อะไรแบบนี้ ใช่ไหมบางยี่ห้อบางรุ่นก็จักมีพวกเซ็นเซอร์ต่างๆ เพิ่ม ซึ่งส่วนใหญ่ก็จักเป็นเซ็นเซอร์นับก้าว พร้อมกับเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ เพื่อใช้ในฐานะ Health tracker ครับ

     แต่ก็มีบ้างที่เพิ่มลูกเล่นให้มากกว่านั้น เช่น Samsung Galaxy Gear พร้อมทั้ง Samsung Galaxy Gear 2 ที่มีไมโครโฟนพร้อมทั้งลำโพงในตัว อาจใช้คุยโทรศัพท์ได้ หรือไม่ Huawei TalkBand B1 ที่ศักยปลดส่วนที่เป็นหน้าจอแสดงผลออกมากลายเป็น Bluetooth headset ใช้โทรศัพท์ได้

     พวกที่เป็น Companion นี่จักไม่ได้ใช้หน่วยประมวลผลสเปกสูงๆ เพราะไม่จำเป็นต้องประมวลผลอะไรมาก พร้อมกับนั่นก็เลยทำให้ไม่ต้องใส่แบตเตอรี่เข้าไปมากหลายมาก แบตเตอรี่ก็ยังอึดพอที่จักใช้งานได้หลายวัน เช่น Pebble นี่อยู่ได้เป็นสัปดาห์ ใช่ไหม Samsung Galaxy Gear Fit อยู่ได้ราวๆ 4 วัน

ยึดติดกับแบรนด์ดีไม่ก็เละบือกแบบใช้กับแบรนด์ไหนก็ได้ดี

     พวกแบรนด์สมาร์ทโฟนหลายๆ แบรนด์ก็ทำ Smartwatch ขึ้นมาเพื่อใช้เป็น Companion ของสมาร์ทโฟนของตัวเอง บางยี่ห้อ เช่น Samsung ก็ทำขึ้นมาให้ใช้กับสมาร์ทโฟนของตัวเองด้วยกันใช้ได้เฉพาะบางรุ่นที่สนับสนุนเท่านั้น

     พวกนี้มักจักใช้ได้กับเฉพาะสมาร์ทโฟนระดับกลางๆ ไปจนถึงระดับไฮเอนด์ของแบรนด์นั้นๆ เป็นหลัก พวกนี้จักมีข้อดีตรงที่ทำงานร่วมกับ App เฉพาะทางของแบรนด์นั้นๆ ได้ เช่น Samsung Galaxy Gear ก็จักทำงานเป็นเซ็นเซอร์เก็บข้อมูลให้กับ S Health ของ Samsung ได้ เป็นต้น

     Smartwatch พวกนี้มักจักมีความอาจบานตะไทหน่อย เพราะแบรนด์เป็นคนทำเอง จึงอาจจะเตรียม API เหตุด้วยใช้งานเอาไว้ให้พร้อมได้ เปิดให้เข้าถึงฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ ได้หลากหลายกว่า

     Apple Watch หรือ Samsung Galaxy Gear เป็นตัวอย่างของ Smartwatch ในอันดับนี้ครับ มันเหมาะเกี่ยวกับคนที่เป็นติ่งของแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งโดยเฉพาะซะมากกว่า ใครที่ชอบเปลี่ยนยี่ห้อสมาร์ทโฟนไปเรื่อยๆ ไม่เหมาะกับ Smartwatch แบบนี้นะครับ

     อีกแบบนึงจะเป็นพวกไม่ยึดติดกับแบรนด์ ขอแค่ดาวน์โหลด App ของตัว Smartwatch มาติดตั้ง ก็พร้อมจักเชื่อมต่อแล้วใช้งานแล้ว พวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นของ Third party ครับ แต่ก็มีบางแบรนด์ที่ทำออกมาเช่นกัน พวกนี้จะมีข้อจำกัดตรงที่มีความทำได้ได้เท่าที่ API ของตัวระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟนเขาเตรียมไว้ให้เท่านั้น

     ซึ่งมักจะไม่ได้เปิดให้เข้าถึงฟังก์ชั่นการทำงานลึกๆ ซักเท่าไหร่ (เช่น Apple เองก็ไม่ให้ App ที่ไม่ใช่ของตนเข้าถึง TouchID … อย่างน้อยก็ในเดี๋ยวนี้ … เป็นต้น)

ความเห็นส่วนตัวของผมในการเระบือก Smartwatch

จากที่ผมได้ลองใช้มาหลากหลายแบบ หลากหลายแบรนด์ ผมพบว่า ณ ระยะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จักซื้อ Smartwatch ในแบบที่เป็น Standalone ครับ อะไรทำให้ผมคิดแบบนี้น่ะเหรอ? มันก็เพราะว่าว่า

- เทคโนโลยียังไม่พร้อมที่จักสร้าง Smartwatch แบบ Standalone ดีๆ ได้ … อย่างน้อยๆ แบตเตอรี่ก็ไม่อึดพอที่จักใช้งานหลายๆ วันแล้ว … แท้จริงอยู่ การชาร์จแบตเตอรี่ทุกวันไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรนัก แต่ผมมองว่านาฬิกามันควรจะเป็นอะไรที่แบตเตอรี่ควรจักอึดอยู่ได้หลายๆ วันน่ะ … ส่วนเรื่องของฮาร์ดแวร์ก็ยังไม่แรงพอที่จะใช้งานได้อย่างเนียนๆ (พิจารณาจากการใช้งาน Neptune Pine)

- ผมยังไม่เห็นแบรนด์ไหนที่ตีโจทย์เรื่อง Wearable device ที่เป็น Standalone แตกเลย … แนะนำว่าควรรอต่ออีกพักใหญ่ๆ เพื่อดูว่ามีใครที่ตีโจทย์นี้แตกบ้าง

- ทั้งหน้าจอแสดงผล ทั้ง User Interface ทั้งการออกแบบอินพุต พร้อมทั้งท่วงท่าในการใช้งาน Smartwatch เพื่อทำหน้าที่แทน มันยังไม่ถูกหลักการยศาสตร์ซักเท่าไหร่ การใช้งาน Smartwatch ในฐานะ Standalone เป็นเวลานานๆ ไม่ใช่อะไรที่สะดวก แม้แบรนด์อย่าง Neptune ที่ออกตัว Neptune Duo มา เพราะว่าออกแบบให้มีส่วนที่เรียกว่า Pocket เข้ามาเสริมในการแสดงผลพร้อมกับอินพุต แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามันยังมีอะไรขาดอยู่บางอย่างน่ะ

     เพราะด้วยคนที่กระหายลองใช้ Smartwatch ผมต้องประสงค์แนะนำว่าลองเริ่มทำจากพวกที่เป็นแนว Companion จักดีกว่า ซึ่งแทบทุกแบรนด์มีฟังก์ชั่นความอาจจักคลัายๆ กันอยู่แล้ว คือ เป็นได้ทั้งนาฬิกา ตรวจจับข้อมูลเรื่องการออกกำลังกาย พร้อมด้วยคอยแสดงการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนให้ได้แบบสบายๆ

     หิวให้ลองแบบนี้ดูก่อน เพราะว่าว่าสนนมูลค่าค่าตัวจักไม่แพงมากแบบพวก Standalone ต้องประสงค์ให้ลองดูว่าฟังก์ชั่นความทำเป็นต่างๆ เนี่ยมันเพียงพอกับความต้องการแล้วหรือยัง

ที่มา: http://hitech.sanook.com/1395309/