ติดตามข่าวสารอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่ thaizones.net นะครับ.. ^0^. ขับเคลื่อนโดย Blogger.
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าวไอที แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าวไอที แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

10 อันดับแบรนด์ดัง ที่มีผู้ติดตามผ่านทาง Instagram สูงที่สุดในโลก !

10 อันดับแบรนด์ดัง ที่มีผู้ติดตามผ่านทาง Instagram สูงที่สุดในโลก !

เชื่อ ว่าหลายท่านมี Instagram ที่นอกจากจะมีไว้แชร์ภาพบอกกับเพื่อนๆแล้ว ยังมีไว้ติดตามกับสิ่งต่างๆเช่น ติดตามดารา นักร้อง นักแสดงคนโปรด ดูโปรโมชั่นสินค้าต่างๆ หรือแม้กระทั่งติดตาม เพื่อน แฟน หรือกิ๊กได้ด้วย ว่าทำอะไรอยู่บ้าง ?
วันนี้มีสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับ แบรนด์ที่มียอดผู้ชมติดตามผ่านทาง Instagram สูงสุด 10 อันดับด้วยกัน มาดูกันว่าแบรนด์ไหนมีคนติดตามเยอะที่สุด ?  ณ เวลานี้ 
The Ellen Show
แบรนด์ที่มีผู้ติดตามผ่านทาง Instagram เยอะที่สุด ได้แก่  รายการ The Ellen Show รายการแนววาไรตี้ชื่อดังของคุณ Ellen พิธีกรชื่อดังจริงๆ ซึ่งมียอดผู้ชมติดตามผ่านทาง Instagram  สูงถึง 3 ล้าน 4 หมื่นราย ซึ่งนำห่างจากที่ 2 อย่างNational Geographic เพียงแค่ 1 หมื่นกว่ารายเท่านั้น  ส่วนแบรนด์อื่นๆที่คนไทยรู้จักอย่าง Nike แบรนด์เสื้อกีฬาและรองเท้ากีฬาชื่อดัง อยู่กันดับ 4  , MTV ช่องเพลงที่ท่านรู้จักกันดี อยู่อันดับ 7   , Starbucks ร้านกาแฟยอดนิยม อยู่อันดับ 8 และ ท้ายด้วย 9Gag กับภาพขำๆสุดกวน อยู่อันดับ 9
ข้อมูลจาก Mashable
สนับสนุนเนื้อหา: www.it24hrs.com

เปิด 50 อันดับคนไทยที่ทรงอิทธิพลสุดใน Instagram ?

เปิด 50 อันดับคนไทยที่ทรงอิทธิพลสุดใน Instagram ?

เว็บไซต์ Zocialrank ซึ่งเป็นของคนไทย ได้ทำการจัดอันดับต่างๆ ในเมืองไทยไม่ว่าจะเป็น Twitter, Youtube, Location, Instagram ซึ่งทั้งหมดเรียกได้ว่าเป็นโซเชียลมีเดียอันดับต้นๆ ทั้งนั้น 

สำหรับวันนี้นั้นทางทีมงาน Sanook! Hitec ขอทำการทำการอัพเดทข้อมูลของ 50 อันดับคนไทยที่ทรงอิทธิพลสุดใน Instagram ในช่วงท้ายปีกันหน่อยซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายครับอันดับ 1. ยังเป็นของตัวแม่แห่งวงการบันเทิงอย่านางเอกสาว อั้ม พัชราภา อันดับ2 นั้นเป็นของนางเอกสาว ชมพู่ อารยา และอันดับ3 นั้นเป็นของ พลอย เฌอมาลย์
โดยปกตินั้นในอันดับ 10 แรกนั้นจะตกเป็นของเหล่าศิลปินดาราคนดัง แต่การอัพเดทล่าสุดนั้นอันดับ 10 ตกเป็นของ nala_cat @nala_cat ติดโผเข้ามาครับ!!

สนับสนุนเนื้อหา: zocialrank.com/instagram

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

จับผู้ร้ายแบบไฮเทค ด้วยกระสุน GPS นัดละ 15,000 บาท!

จับผู้ร้ายแบบไฮเทค ด้วยกระสุน GPS นัดละ 15,000 บาท!

เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็จับใส่ได้หมด ไม่เว้นแม้แต่กระสุนปืน เพราะทางตำรวจสหรัฐอเมริกาเตรียมใช้กระสุน GPS สำหรับเอาไว้ตามพิกัดของโจรผู้ร้ายที่ขับรถหนี กระสุนที่ว่านี้มีชื่อว่า Starchase ซึ่งเวลาจะใช้ก็ไม่ต้องโผล่ออกไปจากตัวรถไปเล็งยิงให้เสี่ยงชีวิต เพียงแค่กดปุ่มจากในรถ กระสุนก็จะพุ่งไปที่เป้าหมายและรายงานพิกัดของเป้าหมายกลับมาที่เครื่องรับซึ่งอยู่ภายในรถ
สนนราคากระสุน GPS สุดไฮเทคนี้ตกอยู่ราคานัดละ $500 ตีเป็นเงินไทยคร่าวๆ ก็ประมาณนัดละ 15,000 บาท นี่เฉพาะราคากระสุนเท่านั้น ยังไม่นับราคาเครื่องรับที่ต้องติดไว้ในรถอีก $5,000 ล่าสุดแว่วมาว่าทางอังกฤษก็เตรียมจะใช้กระสุน Starchase เหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าตำรวจไทยมีแพลนจะสั่งมาใช้กับเขาบ้างหรือเปล่า
ที่มา-BBC
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Ganglion cyst โรคคนใช้คอมพิวเตอร์ จับเมาส์ผิดท่าอาจทำให้ข้อมือมีปัญหา

Ganglion cyst โรคคนใช้คอมพิวเตอร์ จับเมาส์ผิดท่าอาจทำให้ข้อมือมีปัญหา

ผมเป็นคนหนึ่งที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ต้องบอกว่าถึงขั้นนานมาก เกือบตลอด 14 ปีที่ผ่านมาเฉลี่ยแล้วใช้เมาส์และคอมพิวเตอร์ไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน จะมีช่วงหลังที่ลดลงบ้างเนื่องจากหันมาใช้ Tablet ช่วยในการทำงานทำให้จับเมาส์น้อยลงและย้ายไปใช้โน้ตบุ๊คแทน ถั้าคนใช้ MacBook ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เมาส์ ทั้งหมดทั้งมวลถึงแม้ผมจะย้ายไปใช้ Tablet หรืออะไรก็ตามข้อมือก็ยังเป็นอวัยวะที่ทำงานหนักอยู่ดี
คนใช้ที่ทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ถ้าใช้เป็นเวลานานหลายคนจะประสบปัญหาสุขภาพหลายอย่างอย่างผมเองเจอปัญหาแรกคือสายตาล้า เกิดอาการแพ้แสงจากการจ้องจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานติดต่อกันหลาปี ซึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไรเท่าไหร่ถ้าเป็นคนที่ใส่แว่นอยู่แล้วเพียงแค่ใส่แว่นที่ช่วยกรองแสงคอมพิวเตอร์ก็สามารถช่วยได้หากไม่ได้ใส่แว่นก็จะลำบากซักหน่อย ส่วนปัญหาหวดเมื่อยต้นคอและหลังก็เป็นเรื่องปกติเวลานั่งนานๆ ซึ่งมีอีกหลายปัจจัยประกอบกันร่วมด้วย
แต่ตอนนี้ปัญหาที่ผมกำลังพบเจอกับตัวก็คือปัญหาที่ข้อมือ ก็สิ่งที่ใช้งานหนักที่สุดในการใช้งานคอมพิวเตอร์นั่นแหละครับ แรกๆไม่เคยสังเกตุว่ามันเริ่มมีปัญหาแต่ต้องบอกว่ากว่ามันจะเป็นขึ้นมาได้ไม่ได้เป็นกันแค่เวลาเพียงสองสามวัน แต่ใช้เวลาสั่งสมมานานพอสมควร จากเล็กๆ จนมีขนาดใหญ่จนสังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจน ถึงตอนที่มันชัด จนนี่แหละครับถึงได้เอะใจเกิดอะไรขึ้นกับข้อมืออาการของมันไม่ได้ปวด ไม่ได้เจ็บอะไรครับ แต่ทำให้การใช้งานข้อมือมีปัญหาบ้างในชีวิตประจำวันเช่นงอข้อมือได้ไม่สุด หรือปวดที่ข้อมือหากงอข้อมือมาแตกทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้เลวร้ายครับไม่ถึงขั้นต้องกลัวจะเป็นเนื้องอกจนนำไปสู่การเป็นเนื้อร้ายอะไรหรอกครับ
ลักษณะเป็นยังไง ลองสังเกตุง่ายโดดยการลองกำมือแล้วแล้วงอเข้าหาตัว หากเป็นก้อนตรงข้อมือเป็นลูกขนาดพอๆ กับหัวเม็ดลูกอมฮอลล์ ดูตามภาพ มักเป็นในมือข้างที่ทำงานหนักถนัด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแค่ข้างเดียวครับ กดดูจะรู้สึกเหมือนกระดูกแต่ถ้ากดแรงๆ จริงๆมันเป็นก้อนน้ำครับ ซึ่งจะเรียกเป็นก้อนซีสก็ได้ครับเพราะในภาษาทางการแพทย์เรียกมันว่า Ganglion cyst ตอนที่ผมไปพบคุณหมอ หมอบอกให้หยิบ iPad ขึ้นมาและพิมพ์ค้นให้ใน Google ตามคุณหมอ เจอภาพและข้อมูลเยอะมากครับรวมถึงวิธีรักษาด้วยครับ แล้วหมอก็บอกว่าไปตัดสินใจเอาครับว่าจะรักษายังไงเพราะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงอะไรอยู่กับมันได้ หากไม่ได้มีปัญหากับการใช้ชีวิตมากก็อยู่กันไปยาวๆ Ganglion cyst เกิดขึ้นได้หลายบริเวณครับ แต่บริเวณข้อมือมีกันเป็นกันมากในคนทำงานรุ่นใหม่ที่ใช้ต้อง Commputer ทำงาน
การรักษาสำหรับ Ganglion cyst นั้นเท่าที่ทราบจากคุณหมอนะครับ สามารถทำใด้ทั้งการผ่าตัดเพื่อตัดถุงน้ำส่วนเกินนั้นออก แต่การผ่าตัดนี้ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าจะไม่เป็นอีกเพราะหากมีการสร้างน้ำเพิ่มเข้ามากอีกถุงน้ำก็จะกลับมาโตเหมือนเดิม การรักษาแบบนี้เหมาะกับการทำเพื่อลดอาการปวดหรือมีปัญหาการใช้ข้อมือมากๆ
แต่ถ้าไม่ผ่าตัดอีกวีธีที่เจ็บน้อยลงกว่านั้นก็คือ การใช้เข็มดูดเอาน้ำออกจากถุงน้ำก็จะลดขนาด ซีสที่ข้อมือได้เหมือนกัน เวลาซีสโตก็ดูดน้ำออกอีกนะครับ หรือจะรักษาด้วยตัวเองก็ได้ครับ แต่ต้องทำใจหน่อย เพราะจะเจ็บแต่ไม่นาน อึดใจเดียว คือการใช้ของแข็งๆ หน่อยทุบไปที่ข้อมือบริเวณถุงน้ำเพื่อให้ถุงน้ำแตก ถุงน้ำก็จะหายไปทันทีครับ ผมเคยออกกำลังกายที่ใช้ข้อมือหนักๆ ปรากฏว่ารู้สึกเจ็บข้อมือขึ้นมา มองไปซักพักถุงน้ำมันคงแตกน่ะครับ ก้อนซีสหายไปเลย หายไปหลายเดือนเหมือนกันครับ
มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยแนะนำไปหาหมอนะครับ
วิธีรักษาแบบฝรั่งครับ มีคลิปใน YouTube เยอะมากเลยครับ เค้าเน้นใช้ bible มาทุบเราลองเปลี่ยนเป็นพระไตรปิฏกดีมั้ย อิอิ
สนับสนุนเนื้อหา: blog.butthun.com
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เบื่อจุงเบย... ดู Youtube แล้วกระตุก... เปลี่ยนวิธีดีกว่า

เบื่อจุงเบย... ดู Youtube แล้วกระตุก... เปลี่ยนวิธีดีกว่า

สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน ทิปในครั้งนี้ก็จะเอาใจคนที่เครื่องช้า (แบบมากๆ เลยก็ว่าได้) หรือไม่ชอบการดูคลิปกระตุกบน Youtube ผมก็เป็นนะดูคลิปวีดีโอแล้วมันกระตุกมาก เพราะเครื่องผมมันคงช้าด้วย ทำให้ไม่สบอารมณ์ในการดูคลิปบน Youtube
มันก็เลยเป็นที่มาของทิปในครั้งนี้ จริงๆแล้วถ้าใครที่ชอบค้น (หรือที่เรียกว่าซนนั้นละ) ไปกดนู่นกดนี้บนเว็บของ Youtubeละก็จะเจอหน้าต่างหนึ่งที่เกี่ยวกับการทดสอบเครื่องมือใหม่ของ Youtube มันเป็นเครื่องมือที่ทำให้ Youtube โหลดหน้าเว็บเร็วขึ้นและใช้เทคโนโลยี HTML5 งั้นไปดูขั้นตอนกันดีกว่า
ขั้นตอนแรกต้องเข้าไปที่ .com/testtube แล้วหาคำว่า รุ่นพิเศษ (Feather)” แล้วก็กดคำว่า ลองใช้ (Try it out)” ก็จะขึ้นหน้ารายละเอียดของฟังก์ชันตัวนี้ ให้ไปกดปุ่มที่มีคำว่า เข้าร่วมการใช้งาน "รุ่นพิเศษ" เบต้า (Join the "Feather" Beta)” แล้วเครื่องหมายสามเหลี่ยมสีส้มๆ จะกลายเป็น ถูกสีเขียว
ขั้นตอนต่อไป (อันนี้ใครจะทำหรือไม่ทำก็ได้แล้วแต่เลย) จะเป็นการเปลี่ยนประเภทการเล่นจากเดิมที่ Youtube นั้นเล่นวีดีโอด้วย Flash Player เปลี่ยนมาเป็น HTML5 (ถ้าจำไม่ผิดพี่มิ้งค์เคยเอาเทคโนโลยี HTML5 มาลงแล้วแต่จำไม่ได้ว่าฉบับไหนลองตามอ่านดูนะ แล้วจะรู้ว่ามัน มีดียังไง”)  ทำให้การเล่นวีดีโอนั้นเร็วขึ้นและไม่มีการใช้งาน Flash Player (ที่เป็นสาเหตุให้กระตุก) งั้นไปดูวีธีกัน
เข้าไปที่เว็บเดิม (ที่บอกตอนต้น) แล้วหาคำว่า HTML5 Video แล้วก็กดคำว่า ลองใช้ (Try it out)” ก็ จะขึ้นหน้ารายละเอียดเหมือนเดิม แต่ต้องเช็คก่อนว่าบราวเซอร์เรารับหรือไม่ โดยทางเว็บได้บอกเรียบร้อย (เค้าจะเช็คให้ในทันที) ถ้าเป็นช่องสีเขียว 3 ช่องก็ผ่านทีนี้ก็กดคำว่า เข้าร่วมการทดลองใช้ HTML5 (Join the HTML5 Trial)” ทีนี้ก็ไปดูวีดีโอได้เลย
ถ้าเข้าวีดีอันไหนก็ตามแล้วเป็นสีเทาๆ และมีกรอบฟ้าข้างๆ กล่องวีดีโอและไม่เห็นรายชื่อวีดีโอที่อยู่ข้างๆ อย่าตกใจ นั้นเป็นผลมาจากที่เราเปลี่ยนโหมดเป็นรุ่นพิเศษ ส่วน HTML5 จะเห็นผลได้ชัดสุดคือวีดีโอที่เราเล่น แต่!!!! จากที่ผมทดสอบHTML5 (เฉพาะเครื่องผมเท่านั้น) พบว่ายังอาจจะยังไม่สมบูรณ์เพราะวิดีโอกับเสียงยังไม่ตรงกันแต่ก็พอดูได้ อยู่ อันนี้ผมไม่แน่ใจนะว่าเครื่องอื่นจะเป็นแบบผมไหม แต่ก็อยากให้ทดสอบกันดูครับ จบ แล้วไปอีกทิปจริงๆ ไม่ค่อยมีเวลาเขียนเท่าไหร่เพราะตั้งแต่เปิดเรียนมาก็ยุ่งตลอดเลยแต่ ณ วันที่เขียนพอดีที่โรงเรียนมีสอบของ ม.ต้น ม.ปลายเลยหยุด (ยกเว้น ม.6 นะ) อ่านหนังสือนิดหน่อย (ไม่ได้เก่งนะขี้เกียจอ่านเยอะ ขนาดย่อแล้วยังเยอะอยู่เลย -.-‘’) สำหรับคนทีกำลังเรียนอยู่ก็พยายามเข้านะ เป็นกำลังใจช่วยให้ ^_^ แล้วมาพบกันในทิปหน้าที่ COMTODAY สวัสดีครับ

สนับสนุนเนื้อหา: Arip
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

สาว 23 โชว์รวย ผ่านโซเชียลฯ เป็นเรื่อง! ตำรวจปินส์สอบอาจเลี่ยงภาษี

สาว 23 โชว์รวย ผ่านโซเชียลฯ เป็นเรื่อง! ตำรวจปินส์สอบอาจเลี่ยงภาษี

สาววัย 23 ปี Jeane Napoles ชาวฟิลิปปินส์ นักศึกษาด้านแฟชั่นดีไซน์ในสหรัฐอเมริกา กำลังถูกทางการฟิลิปปินส์ทำการตรวจสอบข้อหาที่อาจเข้าข่ายเลี่ยงภาษีหรือไม่ เนื่องจาก ภาพหลายภาพที่เธอโพสต์ในโลกออนไลน์กับชีวิตสุดหรู รวมทั้งชีวิตอลังการในสหรัฐอเมริกาของเธอ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าจากดีไซเนอร์ชื่อดัง เครื่องประดับราคาแพง รองเท้า รถยนต์ รวมทั้งยังมีภาพเธอนอนเริงร่าอยู่ในกองธนบัตรในอ่างอาบน้ำด้วย รวมทั้งเธอยังเป็นเจ้าของห้องคอนโดมิเนียมหรู ราคา 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในลอสแอนเจลิส
ทั้งนี้ ทางตำรวจระบุว่า ได้ติดตามข้อมูลของเธอหลายด้านทั้งจากข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ และความเคลื่อนไหวบนอินเตอร์เน็ต โดยมีหลายภาพที่ปรากฎทางอินเตอร์เน็ตทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตัดสินใจจะตรวจสอบ ด้วยมีการตั้งข้อสงสัยว่าเธออาจเข้าข่ายมีพฤติกรรมเลี่ยงภาษี ทั้งนี้ก่อนหน้านี้มารดาของเธอยังมีคดีอยู่ระหว่างการไต่สวนของศาลเช่นกันในคดีเลี่ยงภาษี รวมทั้งยังอยู่ระหว่างพิจารณาคดีข้อกล่าวหาร่วมมือกับ ส.ส.ฟิลิปปินส์ ยักยอกเงินจำนวนกว่า 232 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตามทางตำรวจแจ้งว่า กรณีการตรวจสอบเรื่องภาษีของบุตรสาวไม่ได้มีส่วนเชื่อมโยงกับคดีของมารดาก่อนหน้านี้
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ช็อคโลก!! บิล เกตส์ ถูกกดดันให้ออกจาก Microsoft

ช็อคโลก!!  ถูกกดดันให้ออกจาก Microsoft

อย่างที่เรารู้ๆ กันว่า บิล เกตส์ คือมหาเศรษฐีผู้โด่งดังที่รวยเป็นอันดับ 2 ของโลก และยังเป็นประธานบริหารของบริษัทไมโครซอฟท์ที่ดำรงตำแหน่งมาเป็นเวลาหลายสิบปี ด้วยอำนาจและอิทธิพลต่อการบริหารงานของบริษัททำให้ 3 ผู้ถือหุ้นรายใหญ่มองว่า ถึงเวลาแล้วที่ บิล เกตส์ สมควรลงจากตำแหน่งเพื่อการดำเนินกิจการในยุทธศาสตร์ใหม่ๆ
สำนักข่าวในต่างประเทศรายงานว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 จาก 20 รายของไมโครซอฟท์แสดงความต้องการให้คณะกรรมการบริหารพิจารณาบิล เกตส์ ผู้เป็นประธานคณะกรรมการบริหารที่ดำรงตำแหน่งมาอย่างยาวนานหลายสิบปีให้ก้าวลงจากตำแหน่ง เนื่องจากเห็นว่าในอำนาจและอิทธิพลของบิล เกตส์ มีผลต่อการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรจนไม่สามารถพัฒนาและเติบโตไปได้อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงมีผลต่อการสรรหาผู้ที่จะเข้าทำหน้าที่แทน สตีฟ บัลเมอร์ อดีตประธานฝ่ายบริหารที่จำเป็นต้องลาออกหลังโดนกดดันจากผู้ถือหุ้นที่ร่วมกันกดดันให้ลงจากตำแหน่ง
ปัจจุบัน บิล เกตส์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีมูลค่าสูงกว่า 270,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งความต้องการของผู้ถือหุ้นทั้ง 3 ที่ถือหุ้นรวมกันมากกว่าร้อยละ 5 ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ และคณะกรรมการบริหารทั้งหมดหรือไม่
สนับสนุนเนื้อหา: Arip
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เปิดตัว Fujitsu Arrows A สุดยอดมือถือชาร์จแบตเตอรี่ 10 นาทีก็เต็ม!

เปิดตัว Fujitsu Arrows A สุดยอดมือถือชาร์จแบตเตอรี่ 10 นาทีก็เต็ม!

ถ้าใครประสบปัญหามือถือแบตเตอรี่หมดเร็วมากอยู่บ่อยๆขอแนะนำให้ท่านรู้จักกับ Fujitsu Arrows A สุดยอดสมาร์ตโฟนจากแดนปลาดิบที่มาพร้อมความสามารถในการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มเครื่องได้ภายในเวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้น!!!
โดย Fujitsu Arrows A จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 2600 mAh ที่จะว่าไปก็สามารถใช้งานได้นานหลายชั่วโมงอยู่แล้ว แต่ถ้าแค่นั้นยังไม่พอและคุณต้องการแบตเตอรี่แบบด่วนทันใจก็ขอบอกว่าคุณสามารถชาร์จแบตเตอรี่มือถือ Fujitsu Arrows A ให้เต็ม 100% ได้ภายในเวลาแค่ 10 นาทีด้วยเทคโนโลยี Quick Charge v.2ของ Qualcomm อีกต่างหาก เรียกได้ว่าไม่ต้องเสียบแบตเตอรี่เสริมไปถือใช้ไปให้สายมันห้อยเกะกะรุงรังกันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ Fujitsu Arrows A ยังมีระบบสแกนลายนิ้วมือเหมือนกับ iPhone 5s อยู่ที่ด้านหลังตัวเครื่องด้วย (จริงๆแล้วมือถือญี่ปุ่นเขาก็มีมานานละเจ้าระบบนี้นี่) ส่วนสเปคภายในเครื่องอื่นๆของ Fujitsu Arrows A ก็มีทั้งหน้าจอ 5 นิ้ว Full HD 1080p, ชิปเซ็ต Snapdragon 800, กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล, ระบบปฏิบัติการ Android (ยังไม่ระบุเวอร์ชั่น) และกำหนดการวางจำหน่ายในเดือนธันวาคมนี้จ้า
เครดิต: ป๋าเอก TechXcite
ที่มา: imsomobile

วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556

5 วิธีง่ายๆ ในการเพิ่มสัญญาณ Wi-Fi ในบ้านของคุณ

5 วิธีง่ายๆ ในการเพิ่มสัญญาณ Wi-Fi ในบ้านของคุณ

คงเซ็งในอารมณ์ไม่ใช่น้อยหากคุณพบว่า ไวไฟ (Wi-Fi) ในบ้านไม่เอื้ออำนวยให้การอ่านข่าวบนไอแพด (iPad) ยามเช้าไหลลื่นหมือนกาแฟที่กำลังดื่มอย่างคล่องคอในขณะนั้น บทความนี้ขอแนะนำวิธีง่ายๆ ในการที่จะปรับแต่งการใช้งานให้สัญญาณ Wi-Fi ในบ้านแรงขึ้น เพื่อการท่องเน็ตที่มีความสุขยิ่งขึ้น
สำหรับ เทคนิคที่นำมาเล่าสู่กันฟังในบทความนี้จะมีอยู่ 5 วิธีด้วยกัน โดยหากคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ได้ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้ เชื่อว่า คุณจะสามารถเพิ่มระยะของการครอบคลุมสัญญาณไวไฟที่ไกลกว่าเดิม และประสบการณ์ในการท่องเน็ตไร้สายทีเร็วขึ้น ว่าแล้วลองมาดูกันครับว่า มีวิธีใดบ้าง?
1. อัพเดทเทคโนโลยีของอุปกรณ์ที่ใช้  หาก เราท์เตอร์ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ ของคุณ ไม่ได้ล่าสมัยจนเกินไป (ไม่เกิน 3 ปี) ระบบทั้งหมดน่าจะสนับสนุนการเชื่อมต่อด้วยมาตรฐาน Wirelee-N ซึ่งหากตรวจสอบแล้วมันเข้ากันได้ แนะนำให้ตั้งค่าของเราท์เตอร์เป็น N-mode only เพื่อให้ได้ความเร็ว และรัศมีครอบคลุมการใช้งานสูงสุด การคั้งค่าเป็น b/g/n เพื่อให้สนับสนุนการเชื่อมต่ออุปกรณ์รุ่นเก่าทีทำงานช้ากว่า หากพีซีทีใช้มาพร้อมกับการ์ดเชื่อมต่อด้วย Wireless-G แนะนำให้มารุ่นใหม่ที่เป็น Wireless-N มาใส่แทน อย่างไรก็ตาม การซื้อเราท์เตอร์ใหม่ที่ไม่สนับสนุน Wireless-N มีโอกาสที่มันจะไม่สนับสนุนการเข้ารหัสระบบรักษาความปลอดภัยล่าสุดด้วย ก่อนตั้งค่าเป็น Wireless-N แนะนำให้คุณตรวจสอบเว็บไซต์ของผู้ผลิตด้วยว่า เฟิร์มแวร์ของเราท์เตอร์ที่คุณใช้อยู่ได้รับการอัพเกรดให้ใช้ได้แล้ว หรือยัง? ลองตรวจสอบ และทำตามดูนะครับ แล้วคุณจะพบกับประสบการณ์ใหม่ในการท่องเว็บไร้สายภายในบ้านของคุณ
2. หาฮวงจุ้ยที่เราท์เตอร์สามารถให้สัญญาณได้แรงที่สุด เราท์เตอร์ ไม่ได้เป็นแก็ดเจ็ตที่สวยหรูดูดี ดังนั้นผู้ใช้ส่วนใหญ่ชอบวางมันหลบๆ ซ่อนๆ ไว้ แต่มันเป็นเรื่องที่ผิดพลาดมากๆ เพราะเราท์เตอร์เป็นอุปกรณ์"ขี้ร้อน"และมันต้องการที่ทีมีอากาศถ่ายเทสะดวก ดังนั้นควรวางมันในที่เปิดโล่ง อย่างเช่น ตรงกลางบ้าน พยายามให้อยู่ห่างจากผนัง และสิ่งกีดขวาง อย่างเช่น ตู้เอกสารที่ทำจากหล็ก ไม่ควรวางเราท์เตอร์ให้เสาสัญญาณชิดติดกำแพง หรือออกไปนอกอาคาร เพราะจทำให้สูญเสียสัญญาณครึ่งหนึ่งที่ส่งออกไป แถมยังอาจจะกลายเป็นการสร้างจุดบอดของสัญญาณภายในบ้านซะด้วยซ้ำ ฮวงจุ้ยที่ดีทีสุดสำหรับการติดตั้งเราท์เตอร์คือ ที่สูงดีกว่าที่ต่ำ โดยเฉพาะบ้านสองชั้น ถ้าจะให้ง่ายหน่อยแนะนำให้คุณวางเราท์เตอร์ไว้เหนือชั้น หรือบนตู้สูง และไม่อยู่ชิดติดสิ่งกีดขวางที่อาจบล็อคสัญญาณได้
3. เปลี่ยนช่องสัญญาณ  การส่งสัญญาณไวไฟก็จะคล้ายๆ กับการทำงานของสถานีวิทยุ เราท์เตอร์ไร้สายถสามารถส่งสัญญาณไปบนช่องที่แตกต่างกัน ซึ่งหากคุณและ เพื่อนบ้านที่ใช้ไวไฟช่องสัญญาณเดียวกัน มันก็จะเกิดการแบ่งกันใช้เป็นธรรมดา ปัญหานี้อาจไม่เกิดขึ้นกับคุณหากเราท์เตอร์ที่ใช้มีคุณสมบัติการเปลี่ยนช่อง สัญญาณโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าไม่มี การปรับแต่งเลือกช่องสัญญาณทีมีการรบกวนน้อยสุดจะช่วยให้คุณได้สัญญาณไวไฟ ที่แรงขึ้น ลองศึกษาคู่มือ หรือค้นหาวิธีเปลี่ยนช่องสัญญาณ (Channel) ทีมีให้เลือก 1 - 11 แชนเนล จากเว็บไซต์ของผู้ผลิตเราท์เตอร์
4. ลดสัญญาณรบกวน นอก จากการอัพเดทเทคโนโลยีทีใช้ ค้นหาฮวงจุ้ยของเราท์เตอร์ที่เหมาะสม เปลี่ยนแชนเนลสัญญาณที่ไม่ไปชนกับใครแล้ว อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มความแรง และระยะในการส่งสัญญาณไวไฟให้กับเราท์เตอร์ของเราก็คือ การลดสัญญาณรบกวนการทำงานจากอุปกรณ์ต่างๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้ความถี่ใน ย่าน 2.4GHz อย่างเช่น โทรศัพท์ไร้สายภายในบ้าน เครื่องส่งสัญญาณเตือนเด็กตื่น และอุปกรณ์ไร้สายต่างๆ ตลอดจนเตาอบไมโครเวฟ ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้สามารถส่งคลื่น 2.4GHz ที่แรงมาก จนรบกวนให้สัญญาณ Wi-Fi ของคุณสู้ไม่ได้ แนะนำให้วางเราท์เตอร์ห่างไกลจากอุปกรณ์เหล่านี้จะดีกว่า
5. ดูแลเน็ตเวิร์กให้ปลอดภัย สำหรับ วิธีสุดท้ายที่จะช่วยให้สัญญาณไวไฟของคุณไม่ถูกแอบใช้โดยชาวบ้านจนอืดยืดยาด ไปหมด เนื่องจากการ Home Wi-Fi จะมีการปล่อยสัญญาณออกไปนอกบ้าน หากคุณไม่ทำการตั้งค่าระบบรักษาความปลอดภัยเอาไว้ อย่างเช่น การเข้ารหัส ซึ่งเราท์เตอร์ใหม่ๆ วันนี้จะได้รับผลกระทบต่อประสิทธิภาพความเร็วน้อยมาก แต่มันย่อมดีกว่า การโดนข้างบ้านแอบบใช้สัญญาณไวไฟของคุณ ท่องเน็ต โหลดบิต ดูยูทูบ ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ แฮคเกอร์สามารถใช้เน็ตเวิร์กที่ไม้ได้รับการดูแลเรื่องความปลอดภัยขโมย ข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อได้ ในที่นี้ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ได้ตั้งค่าการเข้ารหัสด้วย WPA2 และใช้พาสเวิร์ดที่แข็งแรง
หวัง ว่า คำแนะนำง่ายๆ เหล่านี้น่าจะเป็นประโยชน์ และทำให้คุณผู้อ่านได้ประสบการณ์ในการใช้โฮมไวไฟทีครอบคลุม และแรงเต็มประสิทธิภาพ เพื่อการอ่านข่าวบนไอแพดจะได้คล่องคอเหมือนกับกาแฟที่กำลังดื่มนะครับ :D
สนับสนุนเนื้อหา: Arip

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

คาบบุหรี่ไฟฟ้า หรือจะเป็นเทรนด์ใหม่สิงห์อมควัน

คาบ หรือจะเป็นเทรนด์ใหม่สิงห์อมควัน

ในช่วง 2-3 ปีมานี้ หลายคนคงจะผ่านตาเรื่องราวของเหล่าเซเลบริตี้ที่หันมาคาบบุหรี่ไฟฟ้า แทน บุหรี่จริงๆ กันบ้าง อาทิ ลินด์ซี โลแฮน ,ชาร์ลี ชีน ,บริทนีย์ สเปียร์ส ,เคส มอส ,จอห์นนี่ เดปป์ ,ลีโอนาโด ดิคาปริโอ ,โรเบิร์ต แพตทิสัน ,เดนนิส เควด ,แคทเธอลีน ไฮเกล ,เจนนี แมคคาร์ธี ,สตีเฟน ดอร์ฟฟ์ หรือ มิเชล โรดริเกซ เป็นต้น เหตุผลหลักคือเพื่อลดละเลิกบุหรี่จริงๆ
แต่กลับกลายเป็นว่าบรรดาเซเลบนี่เองที่กลายเป็นตัวสร้างกระแสให้บุหรี่ไฟฟ้ากลับมาดู"เท่"มากกว่าเป็นเหตุผลเรื่องสุขภาพ และปัจจุบันบริษัทผลิตบุหรี่ไฟฟ้ามีมากกว่า 250 เจ้า มีให้เลือกหลายรสชาติ หลากสีสัน แล้วแต่ความชอบ
ที่จริงบุหรี่ไฟฟ้า หรือ ยาสูบอิเล็กทรอนิกส์ นี้ถูกประดิษฐ์ขึ้นตั้งแต่ปี 1960 แต่ไม่ได้รับความนิยมอย่างจริงจัง จนกระทั่งทศวรรษที่ผ่านมาก็เริ่มมีคนหันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น ทั้งในอเมริกา และอังกฤษ ทำให้ยอดขาย และราคาสินค้าแพงขึ้นมาก โดยที่ประเทศอังกฤษปีที่แล้วสนนราคาอยู่ที่ 9 ยูโร มาในปีนี้ราคาอัพขึ้นไปถึง 90 ยูโร ทีเดียว
สำหรับการทำงานของบุหรี่ไฟฟ้าคือจะใช้น้ำยาที่ผลิตจากสารโพรพลีลีนกรีเซอรอลหรือ สารโพรพลีลีน กลีคอล หรือเรียกสั้นๆ ว่า สารพีจี โดยสารนี้จะเป็นตัวละลายกลิ่น หรือ รสชาติกับนิโคติน โดยทั่วไปจะกำหนดระดับของสารนิโคตินไว้ในน้ำยานี้ เริ่มตั้งแต่ 0 มิลลิกรัม ไปจนถึง 24 มิลลิกรัม
ขั้นตอนการทำงานคือตัวสร้างความร้อนและควัน หรือ Atomizer ที่อยู่ตรงกลางจะมีไมโครชิบควบคุมการทำงานและขดลวดอิเล็กตรอนเพื่อเปลี่ยนน้ำยาให้กลายเป็นละอองไอน้ำ อีกทั้งปลายบุหรี่ไฟฟ้าที่มีไฟแอลอีดีบอกการทำงาน และไอน้ำสีขาวที่เหมือนสายหมอกสร้างความรู้สึกเหมือนสูบบุหรี่จริงๆ
การสูบบุหรี่ไฟฟ้า ร่างกายจะได้รับแต่นิโคติน ปราศจากสารพิษที่เกิดจากการเผาไหม้กว่า 4 พันชนิด และควันที่ออกมาก็ไม่เป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง เนื่องจากมันเป็นเพียงไอน้ำเท่านั้น
ส่วนใครจะได้รับนิโคตินมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับระดับนิโคตินที่เลือกนี่จึงเป็นทางเลือกของผู้ที่ต้องการลดละเลิกสูบบุหรี่จริง อย่างไรก็ตามบุหรี่ไฟฟ้ายังไม่ได้รับอนุญาตให้ขายในบางประเทศ อาทิ นอร์เวย์ สิงคโปร์ บราซิล รวมถึงประเทศไทยด้วยนั่นเพราะข้อมูลจากกระทรวงสาธารสุขอ้างว่าพบนิโคตินสูงกว่าบุหรี่ทั่วไปหลายเท่านิโคตินบางระดับมีฤทธิ์เทียบเท่าเฮโรอีน
ขณะเดียวกันผู้ใช้ยาสูบอิเล็กทรอนิกส์ก็มีการโต้แย้งว่าบุหรี่จริงมีนิโคตินที่ได้รับจากการเผาไหม้ใบยาสูบซึ่งนอกจากนิโคตินแล้วยังมีสารก่อมะเร็งและสารพิษมากมายและควันของบุหรี่นี้เองที่เป็นอันตราย ส่วนยาสูบอิเล็กทรอนิกส์ มีนิโคตินที่ถูกผสมในสารพีจีโดย 1 มิลลิลิตรใช้เวลาสูบมากกว่า 100-150 ครั้ง ในขณะที่บุหรี่ 1 มวน ใช้เวลาสูบหมดประมาณ 10-15 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งที่สูบยาสูบอิเล็กทรอนิกส์จะได้รับนิโคตินใกล้เคียงกับบุหรี่จริง และในปริมาณที่ไม่เป็นอันตราย

แม้ในต่างประเทศนักสูบจะหันมาใช้กันเอิกเกริก แต่สำหรับสังคมไทยยาสูบอิเล็กทรอนิกส์ยังไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าและไม่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ถึงอย่างนั้นนักสูบไทยหลายคนก็ยินดีที่จะใช้เจ้ายาสูบอิเล็กทอรนิกส์นี้โดยหวังจะเลิกบุหรี่จริงๆ ให้ได้
ข้อมูล วิกิพีเดีย ภาพ อินเทอร์เน็ต
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

5 เหตุผลที่ PC ดีกว่า Notebook พร้อม 3 เหตุผลที่ด้อยกว่า

5 เหตุผลที่ PC ดีกว่า Notebook พร้อม 3 เหตุผลที่ด้อยกว่า

แม้กระแสความนิยมชมชอบเครื่องคอมพิวเตอร์ PC (ในที่นี้หมายถึง PC Deasktop) จะลดน้อยถอยลงไปมาก จากการมาของ Notebook รวมไปถึงอุปกรณ์พกพารุ่นใหม่ๆ อย่าง Tablet และ Smartphone แต่ก็เชื่อได้ว่ายังมีหลายคนที่จำเป็นต้องใช้งาน PC เป็นหลักบ้าง หรือบางคนที่มี Tablet หรือ Smartphone ใช้งานอยู่แล้ว ไม่อยากจะซื้อ Notebook มาใช้ แต่อยากได้ PC มากกว่าก็เป็นไปได้ครับ
โดยในบทความนี้เราจะมานำเสนอถึงเหตุผลที่ PC มีข้อดีมากกว่า Notebook กันนะครับ แบ่งออกเป็น 5 เหตุผลด้วยกัน 

1. สเปกต่อราคาคุ้มค่ากว่า

อันนี้เห็นกันได้ชัดเจนมากๆ หากเรากำเงินไปซื้อคอมพิวเตอร์ซักเครื่องแล้วล่ะก็ โดยสมมุติว่ามีงบประมาณไม่เกิน 30,000 บาทและต้องการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด เพื่อไว้ใช้ทำงานและเล่นเกมกราฟิกหนักๆ แน่นอนว่า Notebook ที่เราจะได้ก็จะเป็นขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว หรือ 15 นิ้ว ที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5 ไม่ก็ i7 มาพร้อมกับกราฟิกการ์ดระดับกลางๆ ที่ในความแรงในการทำงานพอตัว ที่โดยรวมก็ถือว่าน่าพอใจระดับหนึ่ง (รุ่นตัวอย่าง ASUS N46JV-V3020H ราคา 29,900 บาท)
แต่ถ้ากรณีที่เราเลือกเป็น PC ล่ะก็ เราได้ชิปประมวลผล AMD FX ระดับ 8 คอร์ พร้อมด้วยหน่วยความจำแรมขนาด 8GB จาก G.SKILL SNIPER รวมไปถึงในส่วนของการฟิกการ์ดก็จะเป็น INNOVISION GTX660Ti ที่ต้องบอกว่าประสิทธิภาพการทำงานเหมือนเทียบกับ Notebook ที่ราคาใกล้กันนั้น ต่างกันเท่าตัวทีเดียว นอกเหนือจากนี้ยังมาพร้อมเคสสุดเท่จาก ZALMAN และ PSU คุณภาพอย่าง RAIDMAX อีกด้วย ที่สำคัญยังได้มอนิเตอร์ขนาด 24 นิ้ว ความละเอียด Full HD ไปใช้งานสะใจกันได้เลย  (สเปก PC ตัวอย่าง ราคา 29,980 บาท)
ซึ่งจากการเปรียบเทียบตรงนี้แสดงได้ถึงความคุ้มค่าของ PC ที่มีมากกว่า Notebook แบบใครๆ ก็สัมผัสได้

2. อัพเกรดอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ได้ง่ายกว่า

ในการถอดอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ภายในของ PC อย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ว่าเราสามารถทำได้ง่ายกว่ามาก หากเทียบกับ Notebook ของแต่ละรุ่นในตลาดแล้ว นั้นก็เป็นเพราะว่า PC ได้ถูกออกแบบมาให้เราสามารถอัพเกรดอุปกรณ์ภายในได้ด้วยตนเอง อย่างกรณีที่ที่หากว่าฮาร์ดดิสก์ภายในความจุไม่มากพอ เราก็สามารถซื้อฮาร์ดดิสก์มาเพิ่มเติมได้ ซึ่งเคส PC ส่วนมากจะเพิ่มฮาร์ดดิสก์ได้สูงสุดถึง 5 ลูกด้วยกัน หรือถ้าต้องการความเร็วในการทำงานที่สูงขึ้น จะเปลี่ยนไปใช้ฮาร์ดดิสก์แบบ SSD ก็สามารถทำได้เช่นกัน
หรืออย่างกรณีถ้าเราต้องการชิปประมวลผลซีพียูหรือกราฟิกการ์ดที่แรงขึ้น ก็สามารถซื้อรุ่นใหม่ที่แรงกว่าประสิทธิภาพดีกว่ามากใช้งานได้ทันที โดยในส่วนของเดิมก็สามารถนำไปขายต่อในตลาดมือสองได้อย่างสบายๆ ซึ่งก็ถือได้ว่าในการอัพเกรดอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ภายในของ PC ดีกว่า Notebook แน่นอน เพราะโน้ตบุ๊กอย่างมากที่เราอัพเกรดได้ก็คือ แรมและฮาร์ดดิสกืเท่านั้น

3. ซ่อมบำรุงได้ง่ายกว่า

สืบเนื่องจากเหตุผลก่อนหน้าที่ PC สามารถถอดอุปกรณ์ชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ได้ง่ายกว่า Notebook มาก ทำให้เราสามารถถอดชิ้นส่วนออกมาทำความสะอาดได้ง่าย เป่าลมหรือปัดฝุ่นได้ง่ายกว่า แน่นอนว่าส่งผลให้ระบบระบายอากาศภายในของตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ทำได้ดี รวมไปถึงจะทำให้อายุการใช้งานยาวนานกว่าการที่เราไม่ทำความสะอาดเลย เพราะว่าถ้าหากเราไม่ถอดอุปกรณ์ภายในมาทำความสะอาดบ้าง ก็อาจจะทำให้อุปกรณ์ทำงานหนักเกิดความร้อนสะสม จนส่งผลให้ชิ้นส่วนมีความเสียหายที่สุดก็เป็นไปได้

4. อายุการใช้งานนานและประกันยาวนานกว่า

ด้วยความที่อุปกรณ์ภายในของ PC มีการออกแบบให้มีขนาดใหญ่ ทั้งในส่วนของแผงวงจร พัลมระบายความร้อน หรือฮีทซิงค์ระบายความร้อนต่างๆ อีกถอดออกมาทำความสะอาดได้ง่ายกว่า Notebook ทั่วไป แน่นอนว่าทำให้ฮาร์ดแวร์สึกหรอหรือเสื่อมสภาพได้น้อยกว่าเช่นกัน
หรือถ้าเกิดกรณีเสียขึ้นมาเราก็สามารถถอดชิ้นส่วนที่เสียนำไปเคลมที่ ศูนย์บริการได้สะดวก กว่าการที่เราจะยก Notebook ไปทั้งเครื่อง ที่สำคัญประกันชิ้นส่วนของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์มีระยะรับประกันที่ยาวนานกว่า โดยเริ่มต้นที่ 1 ปี ไปจนถึง 3 ปี 5 ปี หรือตลอดการใช้งานก็มีครับ 

5. รีดประสิทธิภาพการทำงานได้ดีกว่า

เหตุที่คอมพิวเตอร์ PC นั้น สามารถอัพเกรดและปรับแต่งได้ง่ายกว่า Notebook ทำให้เราสามารถรีิดประสิทธิภาพการทำงานของ PC ออกมาได้มากกว่าเช่นกัน เพราะเราสามารถ Overclock ชิปประมวลผลและกราฟิกการ์ดได้อย่างอิสระ ไม่ต้องห่วงในเรื่องของความร้อนสะสมจนอุปกรณ์ภายในอื่นๆ เสียหาย รวมไปถึงกรณีที่เราต้องการประสิทธิภาพสูงสุด ก็สามารถติดตั้งชุดระบายความร้อนระดับสูงเพิ่มเติมได้ โดยไม่ทำให้การทำงานของเครื่องได้รับผลกระทบแต่อย่างใด (แต่กระทบกระเป๋าเงินนะ) 
พร้อมกันนั้นก็ขอนำเสนอเหตุผลที่ PC ด้อยกว่า Notebook ด้วยล่ะกันครับ โดยแบ่งออกเป็น 3 ข้อ

1. พกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้

แน่นอนว่าเป็นเหตุผลแรกๆ ทีเดียว สำหรับข้อดีของ Notebook ในเรื่องของการพกพาไปใช้งานนนอกสถานที่ เพราะตัวเครื่องโน้ตบุ๊กเองนั้นได้ออกแบบให้มีขนาดเล็กกระทัดรัดที่สุดเท่า ที่เป็นไปได้ตามขนาดหน้าจอ รวมไปถึงได้มีการติดตั้งแบตเตอรี่ไว้ภายในตัวเครื่อง ทำให้ในการใช้งาน Notebook นั้น เราไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับอแดปเตอร์ของตัวเครื่องเสมอไป เรียกได้ว่าไม่ต้องง้อปลั๊กไฟอย่างที่ PC ขาดไม่ได้เลย
โดยระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ Notebook แต่ละเครื่องนั้นก็อยู่กับสเปกภายในของรุ่นนั้นๆ ซึ่งถ้าเป็น Notebook ที่มาพร้อมสเปกสุดแรง Intel Core i7 และกราฟิกการ์ด NVIDIA GrForce GTX Series ก็รับร้องได้ว่าแบตเตอรี่นั้นจะสามารถใช้งานได้ไม่นาน เพียง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งถ้าใครอยากใช้งาน Notebook แบตเตอรี่อยู่ได้นานๆ คงต้องหาดูเป็น Notebook ดีไซน์บางๆ มาพร้อมสเปกชิปประมวลผลและกราฟิกการ์ดแบบประหยัดพลังงานมาแทน ที่ก็จะทำให้ Notebook เครื่องนั้น ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึงระดับ 8-9 ชั่วโมงด้วยกัน

2. ใช้พลังงานประหยัดกว่า

ด้วยความที่ว่า Notebook นั้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานพกพาเป็นหลัก พร้อมกันนั้นยังต้องพึงพาพลังงานจากแบตเตอรี่ในบางช่วงเวลา ทำให้อุปกรณ์อาร์ดแวร์ภายในนั้นกินพลังงานไม่มากเท่ากัน PC ซึ่งส่วนมากแล้ว Notebook ปกติทั่วไปจะใช้พลังงานเพียง 30 – 50 Watt เท่านั้น หรืออย่างมากที่สุดก็จะอยู่ที่ประมาณ 100 Watt  ซึ่งเรียกได้ว่าต่างจากการกินพลังงานของ PC เป็นอย่างมาก เพราะ PC ปกติทั่วไปก็ใช้พลังงานอยู่ที่ประมาณ 400 – 500 Watt แล้ว ยิ่งถ้าเป็นในส่วนของ PC สเปกแรงๆ แล้วล่ะก็ เกรงว่าจะทะลุ 1000 Watt ด้วยซ้ำไป
เรียกได้ว่าถ้าใครอยู่หอพักหรืออพาร์ทเม้นท์แล้วล่ะก็ ค่าไฟปลายเดือนมาเรียกเก็บทีนี้แทบจะร้องไห้เลย (หน่วยค่าไฟแพงกว่าแบบคำนวณตามบ้านมาก) เพราะเปรียบเหมือนเราเสียบใช้งานเตารีดเท่ากับการที่เราเปิดคอมไว้ตลอดเวลา นั่นเอง ส่วนถ้าใครอยู่บ้านก็เจ็บลงมาน้อยหน่อย แต่ก็แอบรู้สึกได้เล็กๆ ครับ เมื่อเทียบกับ Notebook ที่เราแทบจะไม่รู้สึกถึงค่าไฟที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ 

3. ประหยัดพื้นที่มากกว่า

อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญกับการที่ Notebook ดีกว่า PC ก็คือขนาดตัวเครื่องที่เล็กและเป็นชิ้นเดียว ทั้งตัวเครื่อง หน้าจอ คีย์บอร์ด ทัชแพด เวลาจัดวางที่ไหนก็จะไม่กินพื้นที่มากนัก อีกทั้งยังไม่มีสายโยงยางไปมา ต่างกับ PC ที่ต้องใช้พื้นที่ในการจัดว่าค่อนข้างมาก ต้องใช้โต๊ะที่ออกแบบมาเพื่อใช้วาง PC จึงจะมีความเหมาะสมมากที่สุด รวมถึงก็จะมีสายเชื่อมต่อไปมามากมาย ทั้งสามารถไฟ สายเมาส์คีย์บอร์ด สายสัญญาณต่างๆ เป็นต้น เรียกได้ว่าเทียบการใช้งาน Notebook กับ PC ในเรื่องของพื้นที่นั้น Notebook ประหยัดพื้นที่กว่าเยอะมาก แถมจะเอาเป็นเล่นไปใช้งานบนเตียงนอนก็สามารถทำได้ทันที
เอาเป็นสำหรับคนที่ต้องใข้งานคอมพิวเตอร์ที่ต้องการพกพาไปใช้งานนอกสถาน ที่บ้าง ก็สามารถเลือกเป็น Notebook ได้เลย แต่ถ้าใครต้องการใช้งานคอมพิวเตอร์สเปกดีๆ คุ้มค่าต่อราคา และที่สำคัญใช้งานอยู่แต่ภายในบ้านละก็ ยังไง PC ก็ย้งเป็นคำตอบที่ดีที่สุด แต่คนไหนคิดว่าขอเพียงคอมพิวเตอร์ที่พอใช้งานได้แล้วอยู่ตามหอพักล่ะก็ Notebook ก็อาจจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดก็เป็นไปได้ครับ

วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

GTA V มียอดจำหน่าย 1 พันล้านเหรียญสหรัฐภายใน 3 วันแรก หลังวางขาย

GTA V มียอดจำหน่าย 1 พันล้านเหรียญสหรัฐภายใน 3 วันแรก หลังวางขาย

เรียกได้ว่าเป็นการสร้างสถิติใหม่เลยทีเดียว สำหรับเกม GTA V ภาคล่าสุดจากค่ายเกม Rockstar กับยอดจำนหน่ายหน้าที่สูงเป็นประวัติการณ์ ถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ นับจากวันที่เปิดวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพียง 3 วันเท่านั้น ซึ่งหากนำไปเทียบกับเกมอื่นๆ รวมไปถึงภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แล้ว ต้องบอกว่าไม่มีเกมใดหนังเรื่องไหนเทียบชั้นได้เลย นับได้ว่าเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคนเกิดขึ้นมาก่อนในวงการที่เกี่ยวข้องกับสื่อบันเทิงมาก่อนเลย แม้ว่าจะมีทุนสร้างที่สูงถึง 265 ล้านเหรียญสหรัฐก็ตาม แต่ก็คงต้องบอกว่า ได้รับการคืนทุนพร้อมกำไรมหาศาลเรียบร้อยแล้วภายใน 3 วัน
โดยถ้าเทียบกับเจ้าของสถิติก่อนหน้าอย่างเกม Call of Duty: Black Ops 2 ของค่าย Activision ยังต้องใช้เวลาถึง 15 วัน ถึงจะมียอดจำหน่าย 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ที่สำคัญเกม GTA V ขนาดวางจำหน่ายเฉพาะเวอร์ชั่นเครื่องเกมคอนโซลอย่าง Sony PlayStation 3 และ Microsoft Xbox 360 ก็สามารถทำยอดจำหน่ายได้สูงระดับนี้
เอาเป็นว่าสำหรับใครที่เป็นเกมเมอร์ PC คงต้องรอกันไปก่อน ซึ่งคาดว่าเกม GTA V จะมีการวงจำหน่ายในเวอร์ชั่น PC ช่วงเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคม ที่จะถึงนี้ครับ แน่นอนว่าส่วนตัวผมเอง คงต้องจัดมาเล่นเหมือนกัน อยากรู้นักว่าเกมมันจะสนุกขนาดไหน ถึงได้ขายดิบขายดีขนาดนี้
ที่มา: vr-zone
ที่มา: http://notebookspec.com/gta-มียอดจำหน่าย-1-พันล้านเหรียญสหรัฐภายใน-3-วันแรก-หลังวางขาย/194644
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

เว็บไซต์ช็อก!! คนแห่บล็อกโฆษณา

ช็อก!! คนแห่บล็อกโฆษณา

เว็บไซต์ที่หารายได้จากการลงโฆษณามีอยู่เกลื่อนกลาด และปัญหาที่เว็บไซต์เหล่านี้ต้องเผชิญก็คือ การบล็อกโฆษณา ทำให้รายได้ที่ควรจะได้ไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น ขณะเดียวกัน ผู้ลงโฆษณาก็ไม่ได้ผลตอบรับจากการลงโฆษณาอย่างคาดหวัง
แม้ว่านี่อาจจะเป็นเรื่องที่จะตัดสินกันได้ก็ต่อเมื่อดูผลลัพธ์ขั้นสุดท้ายกันจริง ๆ แต่ละราย แต่ละเรื่องเกี่ยวกับการบล็อกโฆษณาของคนเข้าเว็บไซต์ ก็เป็นเรื่องน่าสนใจลงไปในรายละเอียด
นิตยสารฟอร์บสเล่าถึงเรื่องของ "นิเอโร กอนซาเลซ" เจ้าของเว็บไซต์ Destructoid เกี่ยวกับวิดีโอเกมที่เจ้าตัวเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า คนที่เข้ามายังเว็บไซต์ของเขาในแต่ละเดือนที่มียอดสูงถึง 3 ล้านคนนั้น มีอยู่มากน้อยแค่ไหนที่บล็อกโฆษณา เพราะไปอ่านเจอเรื่องของเว็บไซต์แห่งหนึ่งที่ขอร้องผู้ใช้งานให้บริจาคเงินแทนการบล็อกโฆษณา
"กอนซาเลซ"จ้างบริษัทBlockMetrics ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาเป็น PageFair ในปัจจุบันให้มาออดิตเว็บไซต์ของเขาเพื่อดูพฤติกรรมของคนเข้าเว็บ ผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้
กอนซาเลซรู้สึกช็อก เพราะเกือบครึ่งหนึ่งของคนเข้าเว็บไซต์ของเขาบล็อกโฆษณาเอาไว้ ซึ่งประเมินเป็นเงินที่สูญเสียไปเดือนละหลายพันเหรียญ
นอกจากขอร้องให้ผู้ใช้งานเว็บเลิกบล็อกโฆษณาด้วยการสมัครเป็นสมาชิกซึ่งจะปลอดโฆษณาแล้ว กอนซาเลซยังสอบถามผู้ใช้งานเว็บด้วยถึงสาเหตุที่บล็อกโฆษณา คำตอบส่วนใหญ่ที่ได้ก็คือ รำคาญโฆษณานั่นเอง ขณะที่ตัวเขาเองก็สารภาพว่าถ้าไม่อยู่ในวงการนี้ก็คงบล็อกโฆษณาเหมือนกัน
สัดส่วนของคนบล็อกโฆษณาในเว็บของกอนซาเลซอาจจะดูสูงเนื่องจากกลุ่มผู้ใช้งานจัดเป็นพวกไฮเทคที่มีความรู้ในเรื่องนี้ซึ่งเป็นแนวโน้มเดียวกันในภาพใหญ่ที่ PageFair ติดตามจาก 220 เว็บไซต์ และเผยแพร่ข้อมูลออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้นั่นคือ ไซต์ที่เกี่ยวกับเกมมีผู้บล็อกเว็บไซต์สูงสุด ตามติดด้วยเทคโนโลยี, การ์ตูน, อะดัลต์ และบันเทิง แต่โดยเฉลี่ยแล้วก็ยังมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 22.7 และเมื่อเจาะลงไปในกลุ่มย่อยของไซต์ที่ติดตาม สัดส่วนการบล็อกโฆษณาโดยผู้เข้าเว็บสูงถึงร้อยละ 43
แนวโน้มการบล็อกโฆษณาของผู้ใช้งานเว็บดูเหมือนจะสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะหลังจากความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานมีมากขึ้น ภายหลังข่าวฉาวที่แฉออกมาว่าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐสอดแนมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของประชาชน
โฆษณาบนเว็บไซต์ก่อความรำคาญแก่ผู้ใช้งานหลายอย่างด้วยกันเพราะผู้ทำโฆษณาพยายามทุกวิถีทางที่จะดึงดูดให้คนเข้าเว็บเห็นโฆษณาและคลิกโฆษณาแทนที่จะเป็นแบนเนอร์เรียบนิ่ง ๆ ก็ใส่ให้มีความเคลื่อนไหวมีเอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ ซึ่งนอกจากก่อความรำคาญแล้วยังพบว่าในหลายกรณีทำให้การทำงานของบราวเซอร์ช้าลงไปด้วย
นอกจากนั้น โฆษณาเชิงรุกเหล่านี้บางครั้งยังรุกถึงขั้นล้วงข้อมูลส่วนตัวจากผู้ใช้งาน หรือไม่ก็เป็นช่องทางแฝงเข้ามาปล่อยไวริสต่าง ๆ นานา ทำให้คนใช้งานที่มีความรู้ชอบที่จะบล็อกโฆษณากันเป็นเรื่องปกติ
ผู้ใช้งานที่บล็อกโฆษณาส่วนใหญ่ใช้บราวเซอร์ไฟร์ฟอกซ์และโครมส่วนหนึ่งเพราะแอดออนหรือซอฟต์แวร์เสริมสำหรับการบล็อกโฆษณาเกิดขึ้นมาก่อนกับบราวเซอร์สองเจ้านี้และที่คนหนีมาใช้บราวเซอร์สองเจ้านี้กันมากก็เพราะมันสามารถบล็อกโฆษณาได้ดี แอดออนที่มีมาแต่ยุคแรก ๆ ก็คือ Adblock ที่คนนิยมติดตั้งกัน
เมื่อโฆษณาโดนบล็อก คนทำโฆษณาก็ยิ่งพยายามคิดค้นโฆษณาที่มีลักษณะเชิงรุกหนักขึ้น ซึ่งในทางกลับกันก็ยิ่งทำให้คนอยากบล็อกโฆษณามากยิ่งขึ้นไปอีก
เป็นกงเกวียนกำเกวียนที่แก้ยาก และหาคำตอบอย่างครอบคลุมไม่ได้ นอกจากแต่ละรายจะต้องหาวิธีกันเอาเองว่าโฆษณาแบบไหนที่ไม่ก่อความรำคาญและไม่ถูกบล็อก
คอลัมน์ IT.Talentz
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556

สาวก Apple เริ่มตั้งแถวรอ iPhone 5C - iPhone 5S แล้ว

สาวก Apple เริ่มตั้งแถวรอ iPhone 5C - iPhone 5S แล้ว

อัพเดทล่าสุดเกี่ยวกับกำหนดการเปิดตัว iPhone 5C - iPhone 5S ซึ่งกำหนดการแน่นอนแล้วว่า จะเริ่มขึ้นในวันที่ 10 กันยายน หรือเที่ยงคืนพรุ่งนี้นั้นเอง
รายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศเผยให้เห็นภาพบรรยากาศของหน้าสถานที่จัดงาน และตามสาขาต่างๆ ที่ตอนนี้เหล่าสาวกของ Apple ได้เริ่มทยอยเข้ามาต่อแถวหน้า Apple Store กันแล้ว
เว็บไซต์ appleinsider.com ได้นำเสนอภาพของสาวกเข้าแถวรอที่ร้าน Apple Store สาขา Fifth Avenue ในกรุงนิวยอร์ก ซึ่งเป็นสาขาใหญ่ของทาง Apple พร้อมภาพของ 2 หนุ่มแฟนพันธ์แท้ที่สื่อบอกว่า เค้าเป็นลูกค้าที่จะได้เครื่องมาใช้งานรายแรกของโลก (หากว่ามีการวางจำหน่ายพร้อมงานเปิดตัว...) ชายหนุ่ม 2 คนนี้มีชื่อว่า "โจ" และ "ไบรอัน" สองหนุ่มจาก นิวยอร์ก ที่ได้มาปักหลักกันตั้งแต่คืนวันพฤหัสบที่ผ่านมา
เมื่อถามว่าสิ่งที่พวกเขาวางแผนที่จะทำคืออะไรหากทางถ้าแอปเปิ้ลไม่เปิดจำหน่าย iPhone 5C - iPhone 5S ในวันนี่่ 10 นี้จนกว่าจะถึงกำหนดการที่ลือคือ 20 กันยายน นั้นก็หมายความว่า ต้องลากยาวการเข้าคิวรอไปอีก สองสัปดาห์  โจและไบรอันก็ยักไหล่ของพวกเขาและกล่าวว่า "เราจะรอ"
เชิญชมภาพบรรยากาศก่อนงานเปิดตัว ไอโฟน 5S และ ไอโฟน 5C ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้จากภาพด้านล่าง
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com