ติดตามข่าวสารอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่ thaizones.net นะครับ.. ^0^. ขับเคลื่อนโดย Blogger.
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Samsung Galaxy S6 Edge แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Samsung Galaxy S6 Edge แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558

เทียบภาพถ่ายจากกล้องสมาร์ทโฟนเรือธงGalaxy S6 Edge, S5, Note 4 และ iPhone 6

     สำหรับ เครื่อง มือถือ Galaxy S6 และ S6 Edge ที่ Samsung ได้เปิดตัวออกมานั้น จุดเด่น อย่างหนึ่งที่ดู Samsung จะภาคภูมิใจเหลือเกินก็คือความสามารถของกล้อง ที่บอกว่าถ่ายภาพได้ดีเยี่ยม มีสเปกความกว้างของรูรับแสงมากถึง f/1.9 เลยทีเดียว
     ซึ่งเหนือกว่า iPhone 6 ของ Apple ซะอีก และยังมาพร้อมกับระบบกันภาพสั่นไหว Optical Image Stabilization อีกด้วย ซึ่งฟีเจอร์นี้ในฝั่งของ Apple ก็จะต้องเป็นเครื่อง iPhone 6 Plus เท่านั้น ถึงจะมีให้
     เมื่อเกริ่นกันมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็แน่นอนว่าใครๆก็อยากจะรู้กันเป็นธรรมดา ว่าเมื่อถ่ายออกมาแล้วจะเป็นยังไง ก็จัดไปกันเลย กับการเปรียบเทียบภาพถ่ายตัวอย่าง เทียบกันกับ iPhone 6, Galaxy Note 4 และ Galaxy S5
Samsung-Galaxy-S6-edge
Apple-iPhone-6
Apple iPhone 6
Samsung-Galaxy-Note-4
Samsung Galaxy Note 4
Samsung-Galaxy-S5
Samsung-Galaxy-S6-edge (1)
Apple-iPhone-6 (1)
Apple iPhone 6
Samsung-Galaxy-Note-4 (1)
Samsung Galaxy Note 4
Samsung-Galaxy-S5 (1)
Samsung Galaxy S5
Samsung-Galaxy-S6-edge (3)
Samsung Galaxy S6 Edge
Apple-iPhone-6 (3)
Apple iPhone 6
Samsung-Galaxy-Note-4 (3)
Samsung Galaxy Note 4
Samsung-Galaxy-S5 (3)
Samsung Galaxy S5
Samsung-Galaxy-S6-edge (4)
Samsung Galaxy S6 Edge
Apple-iPhone-6 (4)
Apple iPhone 6
Samsung-Galaxy-Note-4 (4)
Samsung Galaxy Note 4
Samsung-Galaxy-S5 (4)
Samsung Galaxy S5

แนะนำ 10 อันดับมือถือน่าสนใจประจำสัปดาห์

ช่วงนี้ยังคงมีรุ่นใหม่ๆ ถูกส่งออกมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น Samsung Galaxy S6 หรือ Samsung Galaxy S6 edge ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ไปเมื่อต้นเดือน แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ตลาดของสมาร์ทโฟนเจ้าอื่นๆ เงียบหรือย่อท้อลงกลับยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้ส่งสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

ด้วยเหตุนี้ทีมงานเลขขอแนะนำ 10 อันดับมือถือน่าสนใจประจำสัปดาห์ (มีนาคม) มาฝากกันซึ่งมีทั้งที่วางจำหน่ายและยังไม่วางจำหน่าย ทางทีมงานหวังว่าข้อมูลดังกล่าวคงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย มาไล่ดูกันครับว่าสำหรับอาทิตย์นี้นั้นจะมีรุ่นใดบ้างที่น่าสนใจ  และแน่นอนว่าคงต้องมีสักรุ่นที่โดนใจท่านผู้อ่านอย่างแน่นอน
ข้อมูลมือถือน่าสนใจ (Editor choice) รายสัปดาห์ ประจำเดือน มีนาคม 2558 *โทรศัพท์มือถือน่าสนใจ (Editor choice) หมายถึงโทรศัพท์มือถือที่แนะนำโดยผู้ดูแลเนื้อหาเว็บไทยโมบายเซ็นเตอร์ดอทคอม
คะแนนโหวตเป็นคะแนนที่ประมวลผลจากคะแนนโหวตของผู้เข้าชมและถูกโพสต์ขึ้นระบบโดยอัติโนมัติ

* ข้อมูลมือถือประจำสัปดาห์คำนวณจากข้อมูลภายใน 1 สัปดาห์  โดยอันดับอาจจะแตกต่างจาก ข้อมูลมือถือประจำเดือน ที่จะคำนวณจากข้อมูลใน 1 เดือน
อันดับมือถือน่าสนใจ (ไทยโมบายเซ็นเตอร์) เดือน มีนาคม 2558 --> สัปดาห์ที่ 2
Samsung Galaxy S6 edge ( ซัมซุง Galaxy S6 edge ) กับลักษณะเด่นประจำรุ่น 

- จอแสดงผลแบบ Dual Curved Edge Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 2560x1440 Pixels (2K QHD : กว้าง 5.1 นิ้ว : 577 ppi) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T760
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core 64-bit Exynos 7420 (ซีพียู Quad-Core Cortex-A57 ความเร็ว 2.1 GHz และ Quad-Core Cortex-A53 ความเร็ว 1.5 GHz) พร้อมระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.0.2 (Lollipop)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB, 64 GB หรือ 128 GB และ RAM (LPDDR4) ขนาด 3 GB พร้อมรองรับการเก็บบันทึกข้อมูลแบบ Cloud Storage ด้วยบริการ OneDrive (ฟรีพื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลขนาด 115 GB นาน 2 ปี)
- เชื่อมต่อ HTML Browser ผ่านระบบ WiFi, HSPA+, 4G LTE Cat6, EDGE หรือ GPRS พร้อมการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่าน NFC, Bluetooth, Infrared หรือ ANT+
- กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 16 ล้าน Pixels (F/1.9) พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพแบบ ISOCELL, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และกล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels (F/1.9) 

HTC One M9 ( เอชทีซี One M9 )  กับลักษณะเด่นประจำรุ่น
- จอแสดงผลแบบ Super LCD3 Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 5.0 นิ้ว : 441 ppi) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 430
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core 64-bit Qualcomm Snapdragon 810 (ซีพียู Quad-Core Cortex-A57 ความเร็ว 2.0 GHz และ Quad-Core Cortex-A53 ความเร็ว 1.5 GHz) พร้อมระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.0 (Lollipop)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB และ RAM ขนาด 3 GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 128 GB
- เชื่อมต่อ HTML Browser ผ่านระบบ WiFi, LTE Cat6, HSPA+, EDGE หรือ GPRS พร้อมการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่าน NFC, Bluetooth หรือ Infrared
- กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 20.7 ล้าน Pixels พร้อมกระจกหน้าเลนส์แบบแซฟไฟร์ (Sapphire Cover) และกล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 4 ล้านพิกเซล (UltraPixel) 

 Motorola Nexus 6 ( โมโตโรล่า Nexus 6 ) กับลักษณะเด่นประจำรุ่น
- จอแสดงผลแบบ AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 2560x1440 Pixels (2K QHD : กว้าง 5.96 นิ้ว : 493 ppi : อัตราส่วน 16:9) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 420
- ประมวลผลการทำงานด้วย Quad-Core Krait 450 Processor (ชิปเซ็ต Qualcomm APQ8084-AB Snapdragon 805) ความเร็วในการประมวลผล 2.7 GHz พร้อมระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.0 (Lollipop)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB หรือ 64 GB และ RAM ขนาด 3 GB
- เชื่อมต่อ HTML Browser ผ่านระบบ WiFi, LTE Cat6, HSPA+, EDGE หรือ GPRS พร้อมการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่าน NFC หรือ Bluetooth
- กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้าน Pixels พร้อมกล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 2 ล้าน Pixels 

Asus ZenFone 2 ( เอซุส ZenFone 2 ) กับลักษณะเด่นประจำรุ่น
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 5.5 นิ้ว : 401 ppi) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ PowerVR G6430
- ประมวลผลการทำงานด้วย Quad-Core Intel Atom Z3580 Processor ความเร็วในการประมวลผล 2.3 GHz พร้อมระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.0 (Lollipop)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 16 GB, 32 GB หรือ 64 GB และ RAM ขนาด 2 GB หรือ 4 GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 64 GB
- เชื่อมต่อ HTML Browser ผ่านระบบ WiFi, LTE Cat4, HSPA+, EDGE หรือ GPRS พร้อมการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่าน NFC หรือ Bluetooth
    กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้าน Pixels พร้อมกล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels 

LG G Flex 2 ( แอลจี G Flex 2 ) กับลักษณะเด่นประจำรุ่น
- จอแสดงผลแบบ Curved P-OLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 5.5 นิ้ว : 403) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 430
- ประมวลผลการทำงานด้วย Octa-Core 64-bit Qualcomm MSM8994 Snapdragon 810 (ซีพียู Quad-Core ARM Cortex-A53 ความเร็ว 1.5 GHz และ Quad-Core ARM Cortex-A57 ความเร็ว 2 GHz) พร้อมระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.0.1 (Lollipop)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 16 GB หรือ 32 GB และ RAM ขนาด 2 GB หรือ 3 GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 128 GB
- ดีไซน์แบบโค้ง ทั้งตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล พร้อมพื้นผิวที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ที่มีคุณสมบัติ่ในการซ่อมแซมรอยขีดข่วนด้วยตัวเอง (Self-Healing Back Panel Coating)
- กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้าน Pixels พร้อมกล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 2.1 ล้าน Pixels
Apple iPhone 6 Plus ( แอปเปิ้ล iPhone 6 Plus ) กับลักษณะเด่นประจำรุ่น 

- จอแสดงผลแบบ Retina HD IPS LCD (LED-Backlit) Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 5.5 นิ้ว : 401 ppi) พร้อมกระจกหน้าจอแบบ Ion-Strengthened Glass ซึ่งมีความโค้งมนที่บริเวณขอบ
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Apple A8 (64-bit) พร้อมหน่วยประมวลผล M8 Motion Coprocessor สำหรับประมวลผลการเคลื่อนไหว และระบบปฏิบัติการ iOS 8
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Touch ID Sensor : Fingerprint Identity Sensor) บนปุ่ม Home สำหรับตรวจสอบสิทธิในการเข้าใช้งานเครื่องด้วยการสแกน และวิเคราะห์ลายนิ้วมือ พร้อมรองรับการสั่งซื้อออนไลน์ผ่านทางบริการ Apple Pay
- เชื่อมต่อ HTML Browser ผ่านระบบ WiFi, LTE, HSPA, EDGE หรือ GPRS พร้อมการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่าน NFC หรือ Bluetooth
- กล้องดิจิตอล iSight Camera ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 8 ล้าน Pixels (BSI), ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, ไฟแฟลชในตัว (True Tone), เทคโนโลยี Focus Pixels, ถ่ายภาพวีดีโอ (Full HD : 1080p : 1920x1080 Pixels : 60 fps) 

OPPO N3 ( ออปโป้ N3 ) กับลักษณะเด่นประจำรุ่น 

- จอแสดงผลแบบ TFT LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 5.5 นิ้ว : 403 ppi) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 330
- ประมวลผลการทำงานด้วย Quad-Core Krait 400 Processor (ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8974AA Snapdragon 801) ความเร็วในการประมวลผล 2.3 GHz พร้อมระบบปฏิบัติการ Color OS เวอร์ชัน 2.0 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 4.4.4 KitKat)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB และ RAM ขนาด 2 GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 128 GB
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่อง (Fingerprint Sensor : Touch Access) ที่รองรับได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือที่แตกต่างกัน พร้อมรองรับการสั่งงานด้วยการสัมผัสในแอปพลิเคชันต่างๆ
- กล้องดิจิตอลในตัว ความละเอียดระดับ 16 ล้าน Pixels (Schneider Kreuznach Certified) ซึ่งสามารถหมุนได้ 206 องศา พร้อมระบบหมุนอัตโนมัติตามโหมดของการถ่ายภาพ (Motorized Rotating Camera) 

vivo Xplay 3S ( วีโว Xplay 3S ) กับลักษณะเด่นประจำรุ่น 

- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 2560x1440 Pixels (2K QHD : กว้าง 6.0 นิ้ว : 490 ppi) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 330
- ประมวลผลการทำงานด้วย Quad-Core Krait 400 Processor (ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8974AB Snapdragon 801) ความเร็วในการประมวลผล 2.3 GHz พร้อมระบบปฏิบัติการ Funtouch OS (พัฒนาอยู่บนพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 4.3 Jelly Bean)
- ระบบเสียงแบบ Hi-Fi และ DTS Headphone พร้อม Amplifier ในตัว (OPA2604) และชิปประมวลผลเสียงแบบ ESS ES9018 DAC (ES9018 SRN 112db)
- เชื่อมต่อ HTML Browser ผ่านระบบ WiFi, LTE, HSPA, EDGE หรือ GPRS พร้อมการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่าน NFC หรือ Bluetooth
- กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้าน Pixels พร้อมกล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels

Lenovo VIBE Shot ( เลอโนโว VIBE Shot ) กับลักษณะเด่นประจำรุ่น 

- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 5.0 นิ้ว : 441 ppi) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 405
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core 64-bit Qualcomm MSM8939 Snapdragon 615 (ซีพียู Quad-Core Cortex-A53 ความเร็ว 1.7 GHz และ Quad-Core Cortex-A53 ความเร็ว 1.0 GHz) พร้อมระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.0 (Lollipop)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB และ RAM ขนาด 3 GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 128 GB
- เชื่อมต่อ HTML Browser ผ่านระบบ WiFi, LTE Cat4, HSPA+, EDGE หรือ GPRS พร้อมการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่าน Bluetooth
- กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 16 ล้าน Pixels พร้อมไฟแฟลช (Triple-LED Flash : Tri-Color), ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, ปุ่มชัตเตอร์กล้องแบบสองจังหวะ และกล้องด้านหน้า ความละเอียดระดับ 8 ล้าน Pixels 

Sony Xperia Z3 ( โซนี่ Xperia Z3 )  กับลักษณะเด่นประจำรุ่น 

- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 5.2 นิ้ว : 424 ppi) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 330
- ประมวลผลการทำงานด้วย Quad-Core Krait 400 Processor (ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8974AC Snapdragon 801) ความเร็วในการประมวลผล 2.5 GHz พร้อมระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 4.4.4 (KitKat)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 16 GB หรือ 32 GB และ RAM ขนาด 3 GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 128 GB
- เชื่อมต่อ HTML Browser ผ่านระบบ LTE, WiFi, HSPA+, EDGE หรือ GPRS พร้อมการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่าน NFC, Bluetooth หรือ ANT+
- กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 20.7 ล้าน Pixels พร้อมเลนส์คุณภาพสูงแบบ G Lens, เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Sony Exmor RS for Mobile, ถ่ายภาพวีดีโอ (4K UHD : 2160p : 3840x2160 Pixels : 30 fps) 

วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2558

Samsung Galaxy S6 และ S6 edge เริ่มขายในอเมริกา 11 เม.ย. นี้

ข่าวสารความเคลื่อนไหวของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง  และ Samsung Galaxy S6 edge ยังคงถูกจับตามองเช่นเคย
อัพเดทล่าสุดนั้นทางเว็บไซต์ Phonearena ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับการวางจำหน่าย โดยอ้างแหล่งที่มาซึ่งเป็นบุคคลที่ทำงานร่วมกับหนึ่งในสี่ของโอเปอร์เรเตอร์ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทั้ง 2 รุ่นจะวางจำหน่ายในวันที่ 11 เมษายนในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นที่แรกผ่านทางโอเปอร์เรเตอร์ ทั้ง 4 อย่าง AT&T, Verizon, Sprint และ T-Mobile
นอกจากนี้จากรายงานยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่ามีพนักงานซัมซุงได้เดินทางเข้ามาเยี่ยมชมร้านค้าปลีกทั่วประเทศแล้ว นั้นอาจเป็นไปได้ว่าพวกเค้าเข้ามาแนะนำพร้อมทั้งฝึกอบรมการใช้งานอุปกรณ์ใหม่อย่าง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge นั้นเอง
ส่วนจำนวนและปริมาณของสินค้านั้นไม่มีการระบุยอดที่ชัดเจน แต่คาดว่างานนี้คงมีต่อคิวซื้อกันตั้งแต่ยังไม่เปิดร้านแน่นอนครับ!! ด้วยคาดว่าของอาจมีจำนวนจำกัด มาช้าอาจหมดโดยเฉพาะรุ่น Samsung Galaxy S6 edge
ในเมืองไทยนั้นยังไม่มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับวันวางจำหน่ายที่ชัดเจน คงต้องรอลุ้นอีกสักระยะหากมีอะไรอัพเดทเพิ่มเติมทางทีมงาน Sanook! Hitech จะรีบนำมารายงานครับ

วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2558

รอนิ๊ด!! ใครกำลังคิดซื้อ iPhone 6 เพราะสีชมพูกำลังจะมา

      อัพเดทข่าวความเคลื่อนไหวของสมาร์ทโฟน จากทางฝั่งของ Apple กันหน่อย เพราะล่าสุดมีข่าวส่งตรงจากวงในว่าอาจมีการเพิ่มสีใหม่เข้าไปอีกสี
      โดยเว็บไชต์ macrumors ได้รายงานข่าวว่า  รุ่นใหม่ ซึ่งมีกำหนดการเปิดตัวในเดือนกันยายน(เวลาปล่อยสินค้าใหม่ของทาง Apple ประจำปี) นั้นนอกจากจะมีความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของหน่วยความจำให้แรงขึ้นเพื่อให้สามารถแข่งขันกับ Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge รุ่นใหม่ได้แล้ว
      กันยายนเราอาจเห็น iPhone 6S มีเพิ่มขึ้นมาอีก 1 สี นอกจากสีเงิน, สีเทา และสีทอง นั้นคือสีชมพู เข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก
      สำหรับข่าวดังกล่าวที่ออกมานั้นยังคงเป็นเพียงข่าว(ลือ)อีกแล้ว แต่ก็ทำให้หลายๆ คนรอแน่นอน หากมีiPhone 6 ชมพูของจริงออกมาเชื่อว่าคงขายดีอีกเช่นเคย


      ทางทีมงาน Sanook! Hitech เชื่อว่าในงานอีเว้นท์ คราวหน้านั้นเราจะได้เห็นยักษ์ใหญ่ที่เป็นเสือนอนกินมานานอย่าง Apple ต้องเริ่มดิ้นบางแล้วเพราะการมาของ Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge รุ่นใหม่นั้นน่ากลัวจริงๆ
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

พรีวิวมือถือ Samsung Galaxy S6 มาแล้ว!

 มาแล้ว! เปิดตัวพร้อม Samsung Galaxy S6 edge มือถือขอบจอโค้ง 2 ด้าน หน้าจอ 5.1 นิ้ว ตัวเครื่องโลหะ และกล้อง 16 ล้านพิกเซล จำหน่าย 10 เมษายนนี้
เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้ว สำหรับ Samsung Galaxy S6 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ที่เรียกได้ว่า เป็นรุ่นที่ทาง ซัมซุง "คิดใหม่ทำใหม่" เลยก็ว่าได้
ซึ่งความเปลี่ยนแปลงอย่างแรก ที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน นั่นก็คือ ดีไซน์ใหม่ โดยเปลี่ยนจาก ตัวเครื่องพลาสติก มาเป็น ตัวเครื่องโลหะผสมกระจก อีกทั้งยังบางลงกว่าเดิม จับได้ถนัดมือมากขึ้น ซึ่งก่อนที่ Samsung Galaxy S6 จะเปิดตัวและวางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ เรามาชม พรีวิว Samsung Galaxy S6 กันก่อนว่า มือถือเรือธงรุ่นล่าสุดนี้ จะน่าใช้กว่าเดิม และมีดีไซน์ที่สวยขึ้นมากแค่ไหน
มาเริ่มกันที่ ดีไซน์ ของ Samsung Galaxy S6 กันก่อน โดยรุ่นนี้ ถือว่าเป็นรุ่นแรกในตระกูล Galaxy S ที่เปลี่ยนจาก ตัวเครื่องพลาสติก มาเป็นตัวเครื่องแบบโลหะผสมกระจก ซึ่งกระจกที่ใช้บน Samsung Galaxy S6 นั้นก็คือ Gorilla Glass 4 ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงเป็นพิเศษอยู่แล้ว
สำหรับปุ่ม Home นั้น ยังคงมี เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ เช่นเดียวกับ Samsung Galaxy S5 แต่ได้เปลี่ยนวิธีการสแกนใหม่ จากการรูดแล้วลากขึ้น กลายเป็นแตะเพื่อปลดล็อคแทน เรียกได้ว่า สะดวกต่อการใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม
Samsung Galaxy S6 มาพร้อมกับหน้าจอกว้าง 5.1 นิ้ว แบบ Super AMOLED Display ความละเอียด 1440 x 2560 พิกเซล (QHD) โดยมีจำนวนพิกเซลต่อตารางนิ้วสูงถึง 577 ppi ที่ช่วยทำให้การแสดงผลภาพในที่กลางแจ้ง ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน ส่วนหน่วยประมวลผล ใช้ชิปเซ็ต Exynos 7420 แบบ Octa-Core Processor (64-bit) ที่ผลิตโดยสถาปัตยกรรม 14nm รุ่นแรกของโลก พร้อมหน่วยความจำ RAM 3 GB ซึ่งจะช่วยทำให้ประมวลผลได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น แต่ใช้พลังงานแบตเตอรี่น้อยลง
มากันที่เรื่องของกล้องถ่ายรูปกันบ้าง โดย Samsung Galaxy S6 รุ่นนี้ ดูเหมือนว่า ทางซัมซุง จะเน้นเรื่องการถ่ายรูปเป็นพิเศษ เนื่องจากใช้เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.9 ทั้งกล้องด้านหน้า และด้านหลังนั่นเอง โดยกล้องด้านหน้า มาพร้อมกับความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องด้านหลัง ความละเอียดอยู่ที่ 16 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ Quick Launch ที่สามารถเข้าใช้งานกล้องได้อย่างรวดเร็วในเวลา 0.7 วินาที แค่ดับเบิลคลิกที่ปุ่ม Home ครับ
สำหรับใครที่กังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดไว เนื่องจากตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอแบบ QHD นั้น คงจะหายห่วงกันไปได้เลย เนื่องจาก Samsung Galaxy S6 มาพร้อมกับฟีเจอร์ Fast Charging ด้วยการชาร์จเพียงแค่ 10 นาที แต่สามารถใช้งานได้นานถึง 4 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังรองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายอีกด้วย
ส่วนบริการน้องใหม่แกะกล่องอย่าง Samsung Pay บริการชำระเงินผ่านมือถือ เรียกได้ว่า น่าสนใจมากเลยทีเดียวครับ ด้วยการใช้เทคโนโลยี NFC และ Magnetic Secure Transmission (MST) จากบริษัท LoopPay ที่ซัมซุงเพิ่งจะเข้าซื้อกิจการไปเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากนี้ ยังรับประกันความปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยี Samsung KNOX บวกกับระบบสแกนลายนิ้วมือนั่นเอง
เพียงแค่การ พรีวิว Samsung Galaxy S6 ในเบื้องต้น ก็คงทำให้ มือถือเรือธงน้องใหม่ล่าสุดรุ่นนี้ น่าใช้และน่าสัมผัสกันบ้างอย่างแน่นอน ส่วน Samsung Galaxy S6 จะควงคู่มาพร้อมกับ Samsung Galaxy S6 edge เปิดตัวในไทยเมื่อไหร่ และจะเคาะราคาเริ่มต้นที่เท่าไหร่นั้น คงต้องติดตามกันต่อไปครับ - phonearena.com
สรุปสเปค ฟีเจอร์ และคุณสมบัติที่น่าสนใจของ Samsung Galaxy S6
เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ Samsung Galaxy S6 มือถือเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ในปีนี้ เปิดตัวพร้อมกับ Samsung Galaxy S6 edge มือถือขอบจอโค้ง 2 ด้าน ตามข่าวลือก่อนหน้านั้นนั่นเอง
โดยดีไซน์ของทั้ง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge นั้นตรงกับภาพหลุดที่เผยออกมาก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็น กรอบตัวเครื่องแบบโลหะ, บอดี้แบบกระจกทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ที่ทำให้ Samsung Galaxy S6 นั้น ดูพรีเมียมกว่ารุ่นก่อนหน้ามากเลยทีเดียว
Samsung Galaxy S6 edge
นอกจาก Samsung Galaxy S6 จะชูจุดเด่นในเรื่องของ ดีไซน์ เป็นหลักแล้ว ยังมาพร้อมกับกล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.9 ช่วย ในเรื่องของการถ่ายภาพในที่แสงน้อยเป็นหลัก ทำให้ได้ภาพที่คมชัด และสว่างสดใสมากกว่า มือถือรุ่นอื่นๆ นอกจากนี้ ยังรองรับการทำธุรกรรมแบบออนไลน์ กับ Samsung Pay ระบบการ จ่ายเงินผ่าน NFC และ Magnetic Secure Transmission (MST) ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมจาก LoopPay ที่ซัมซุงได้เข้าซื้อกิจการไปเมื่อไม่นานนี้นั่นเอง
Samsung Galaxy S6 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลกว้าง 5.1 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล (577 ppi) ซึ่งกระจกหน้าจอนั้น เป็นแบบ Corning Gorilla Glass 4 ที่ทางซัมซุง การันตีว่า มีความแข็งแรงทนทานมากเป็นพิเศษ และไม่โค้งงออีกด้วย
Samsung Galaxy S6 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 7420 ที่ทางซัมซุงพัฒนาเอา โดยเป็นชิ ปเซ็ตแบบ 64-bit ประกอบไปด้วย หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Cortex-A57 Processor ความเร็ว 2.1 GHz และ Quad-Core Cortex-A53 Processor ความเร็ว 1.5 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิค Mali-T760 GPU และหน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB ส่วนหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง มีให้เลือก 3 ขนาดความจุด้วยกัน ได้แก่ 32 GB, 64 GB และ 128 GB ซึ่ง Samsung Galaxy S6 ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card ได้ครับ
นอกจากนี้ Samsung Galaxy S6 ยังรองรับ LTE Cat.6, Wi-Fi ac, Bluetooth 4.1, NFC, GPS + GLONASS และ Beidou, IR blaster รวมไปถึงวิทยุ FM radio
รัน Android 5.0 (Lollipop) พร้อม TouchWiz ดีไซน์ใหม่
Samsung Galaxy S6 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 5.0 (Lollipop) ตั้งแต่แกะกล่อง ครอบทับด้วยTouchWiz UI เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการออกแบบใหม่ มีดีไซน์ที่เรียบง่ายขึ้น และน่าใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม
กล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เน้นถ่ายรูปในที่แสงน้อย
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ทาง ซัมซุง ภูมิใจนำเสนอ นั่นก็คือ กล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์แบบ ISOCELL และระบบกันภาพสั่นแบบ OIS นอกจากนี้ Samsung Galaxy S6 ยังมาพร้อมกับรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.9 ที่ทางซัมซุง คอนเฟิร์มว่า หมดห่วงเรื่องการถ่ายรูปในที่แสงน้อยไปเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีไฟแฟลชแบบ LED และ Heart Rate Sensor วัดอัตราการเต้นของหัวใจที่ด้านหลังตัวเครื่องอีกด้วย
ส่วนกล้องด้านหน้า มาพร้อมกับความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.9 เช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีระบบเปิดกล้องเร็วเพียง 0.7 วินาที (Quick Launch) ด้วยการกดที่ปุ่ม Home 2 ครั้ง
เปรียบเทียบภาพถ่ายของกล้องด้านหลัง ระหว่าง iPhone 6 Plus และ Samsung Galaxy S6
เปรียบเทียบการถ่ายวีดีโอ ระหว่าง iPhone 6 Plus และ Samsung Galaxy S6
Fast Charging ชาร์จแบตได้เร็วขึ้น
Samsung Galaxy S6 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 2550 mAh ซึ่งไม่สามารถถอดแกะฝาหลังเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้อีกต่อไป ทำให้ทางซัมซุง ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ นั่นก็คือ Fast Charging ด้วยการชาร์จเพียง 10 นาที แต่สามารถใช้งานได้นานถึง 4 ชั่วโมง ซึ่ง ชาร์จเร็วกว่า Samsung Galaxy S5 ถึง 1.5 เท่า และเมื่อเทียบการชาร์จในระยะเวลาที่เท่ากัน Samsung Galaxy S6 จะอยู่ได้นานกว่า iPhone 6 ถึง 50% ครับ
Samsung Pay ระบบการชำระเงินบนมือถือแบบใหม่
หลังจากที่ซัมซุงเข้าซื้อกิจการของ LoopPay ไปเมื่อไม่นานมานี้ ก็ได้เปิดตัวเทคโนโลยีที่มากับบริษัทดังกล่าว ภายใต้ชื่อ Samsung Pay นั่นเอง โดย Samsung Pay รองรับการใช้งานทั้ง Visa และ Mastercard ซึ่งนอกจากจะจ่ายผ่านเทคโนโลยี NFC แล้ว ยังสามารถใช้งานผ่าน Magnetic Secure Transmission (MST) ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมจาก LoopPay นั่นเอง ทำให้มีร้านค้ารองรับบริการดังกล่าวกว่า 30 ล้านร้านค้าทั่วโลกเลยทีเดียว
นอกจาก Samsung Pay จะรองรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านโทรศัพท์มือถือแล้ว ยังรองรับการจ่ายผ่านบัตรเติมเงิน และบัตรของขวัญอีกด้วย ส่วนในเรื่องของความปลอดภัย มี Samsung KNOX และ ARM TrustZone รองรับอีกทีครับ
Samsung Pay จะเปิดให้ใช้บริการในช่วงหน้าร้อนนี้ ในสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ก่อน โดยในช่วงแรก รองรับการใช้งานเฉพาะบน Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 Edge เท่านั้น
ราคา และ วันวางจำหน่าย Samsung Galaxy S6 ในไทย
ในงานเปิดตัว ทางซัมซุง ได้ประกาศว่า จะวางจำหน่ายทั้ง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 Edge ในวันที่ 10 เมษายนนี้ ใน 20 ประเทศ แต่ยังไม่ได้มีการระบุว่า มีประเทศใดบ้าง งานนี้ สาวกซัมซุงในไทย คงต้องไปลุ้นกันอีกทีว่า ประเทศไทย จะมีรายชื่ออยู่ใน 20 ประเทศแรกหรือไม่ ส่วนราคา ยังไม่มีการเปิดเผยในงาน
อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะมีงานเปิดตัว Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge ได้มีข้อมูลราคาของทั้ง 2 รุ่นเผยออกมา ทั้ง 3 ขนาดความจุ สรุปคร่าวๆ ได้ดังนี้ครับ
ราคา Samsung Galaxy S6 (อย่างไม่เป็นทางการ)
- Samsung Galaxy S6 ความจุ 32 GB :€749 (ประมาณ 27,000 บาท)
- Samsung Galaxy S6 ความจุ 64 GB :€849 (ประมาณ 31,000 บาท)
- Samsung Galaxy S6 ความจุ 128 GB : €949 (ประมาณ 34,000 บาท)
ราคา Samsung Galaxy S6 edge (อย่างไม่เป็นทางการ)
- Samsung Galaxy S6 edge ความจุ 32 GB :€849 (ประมาณ 31,000 บาท)
- Samsung Galaxy S6 edge ความจุ 64 GB :€949 (ประมาณ 34,000 บาท)
- Samsung Galaxy S6 edge ความจุ 128 GB : €1049 (ประมาณ 38,000 บาท)
ซึ่งราคาข้างต้นนี้ เป็นราคาที่อยู่ในประเทศแถบโซนยุโรป แน่นอนว่า มีราคาที่สูงกว่า ประเทศในแถบเอเชีย อย่างบ้านเราเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ถ้าหากเรามาลอง คำนวณ ราคา Samsung Galaxy S6 แบบคร่าวๆ สมมติให้ ราคา Samsung Galaxy S6 เท่ากับ ราคา Samsung Galaxy S5 ตอนเปิดตัว ที่ 23,800 บาท
ส่วนราคา Samsung Galaxy S6 edge ให้อ้างอิงจากราคา Samsung Galaxy Note Edge (แต่สมมติให้ถูกกว่า 1,000 บาท) จะสรุป ราคา Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 Edge ในไทย ได้ดังนี้
ราคา Samsung Galaxy S6 ในไทย (อย่างไม่เป็นทางการ)
- Samsung Galaxy S6 ความจุ 32 GB ราคา 23,800 บาท
- Samsung Galaxy S6 ความจุ 64 GB ราคา 27,800 บาท
- Samsung Galaxy S6 ความจุ 128 GB ราคา 31,800 บาท

ราคา Samsung Galaxy S6 edge ในไทย (อย่างไม่เป็นทางการ)
- Samsung Galaxy S6 edge ความจุ 32 GB ราคา 27,800 บาท
- Samsung Galaxy S6 edge ความจุ 64 GB ราคา 31,800 บาท
- Samsung Galaxy S6 edge ความจุ 128 GB ราคา 35,800 บาท
อย่างไรก็ดี ราคา Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge ในไทยข้างต้น เป็นการประมาณการเท่านั้น ไม่ใช่ราคาจริงแต่อย่างใด ต้องติดตามกันต่อไปว่า ซัมซุง ประเทศไทย จะประกาศราคาของทั้ง 2 รุ่น ไว้ที่เท่าใดครับ

ที่มา: http://hitech.sanook.com/1395065/

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558

Samsung Galaxy S6 Edge กับ 5 สิ่งที่คุณอาจยังไม่รู้ ?

การเปิดตัว Samsung  แบบ แพ็คคู่ แม้ดีไซน์และฟีเจอร์โดยรวมแทบไม่ต่างกัน แต่ความน่าสนใจของ Galaxy S6 Edge อยู่ที่หน้าจอแสดงผลที่โค้งเอียงลงทั้งด้านซ้ายและขวา ซึ่งนอกจากจะเป็นการแสดงเทคโนโลยีด้านจอภาพของ Samsung เองแล้ว Galaxy S6 Edge ยังมีอีก 5 เรื่องที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน ?
1. หน้าจอด้านข้างเสมือนจอที่สอง
Galaxy-S6-edge
หน้าจอที่โค้งเอียงลงมาด้านข้างของ Galaxy S6 Edge ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อความเลิศหรู แต่มันสามารถเป็นหน้าจอแสดงผลหรือแจ้งเตือนได้ พร้อมกับสนับสนุนให้ผู้ใช้สามารถกำหนดแอพพลิเคชันที่ใช้บ่อยครั้ง สำหรับการเรียกใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
2. แบตเตอรี่กับการทำงานร่วมกับชิปประมวลรุ่นใหม่ 
แม้ Galaxy S6 Edge จะให้แบตเตอรี่ความจุเพียง 2600 mAh ซึ่งน้อยกว่าที่หลายคนคาดหวัง แต่ด้วยชิปประมวลรุ่นใหม่ที่ Samsung ระบุว่าเป็นการออกแบบภายใต้สถาปัตยกรรม 14 นาโนเมตร จะคอยช่วยจัดสรรการใช้พลังงานได้อย่างประสิทธิภาพ รวมไปถึงเป็นการลดการใช้ พลังงาน ส่งผลดีต่อชั่วโมงการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น
3. แบตเตอรี่ถอดไม่ได้อีกต่อไป
Galaxy-S6-edge-3
หลายคนที่ใช้สมาร์ทโฟนของ Samsung อาจคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแบตเตอรี่ หรือการถอดแบตเตอรี่ในกรณีที่เครื่องค้าง เป็นต้น แต่สำหรับใน Samsung Galaxy S6 Edge หรือ Galaxy S6 จะไม่สามารถถอดแบตเตอรี่ได้อีกต่อไป ดังนั้นหากแบตเตอรี่ใกล้จะหมดทางเลือกที่ช่วยยืดชั่วโมงการใช้งาน คือการใช้ Ultra Saving Mode หรือการใช้ Power Bank นั่นเอง
4. ตำแหน่งของลำโพง
Galaxy-S6-edge-2
แม้สาวก iPhone จะแอบเหน็บแนมว่าบางส่วนของการออกแบบ Samsung Galaxy S6 Edge หรือ Galaxy S6 จะมีความคล้ายคลึงกับ iPhone 6 / iPhone 6 Plus อาทิ ตำแหน่งลำโพงที่ถูกย้ายมาอยู่ด้านล่างตัวเครื่อง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้มาพร้อมกับประสิทธิภาพของเสียงที่ดีขึ้นและ ความดังที่มากขึ้นเช่นกัน
5. Micro SD ไม่มีอีกแล้ว
ความจุภายในของ Samsung Galaxy S6 Edge หรือ Galaxy S6 เริ่มต้นที่ 32 GB, 64 GB และ 128 GB ตามลำดับ ซึ่งสิ่งที่คู่กับตระกูล Galaxy S มาโดยตลอดนั่นคือ micro SD สำหรับการเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูล แต่ในเจเนอเรชั่นที่ 6 ทาง Samsung ได้ตัดสิ่งนี้ออกไป พร้อมกับยกเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า Universal Flash Storage หน่วยความจำใหม่ที่พัฒนาขึ้นโดย Samsung ช่วยให้การอ่านหรือเขียนข้อมูลทำได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Samsung Galaxy S6 Edge เตรียมวางขาย 10 เมษายน ศกนี้
ภาพจาก Wired

วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2558

Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 Edge เปิดตัวแล้วชมสรุปข้อมูลพร้อมสเปคและราคาได้ที่นี่

     สิ้นสุดการรอคอยเมื่อ  Samsung ทำการเปิดตัวสมาร์ทโฟน   และ Samsung Galaxy S6 Edge อย่างเป็นทางการ ซึ่งก็เรียกได้ว่า มาพร้อมกับสเปค ดีไซน์ ที่ถูกปรับปรุงใหม่ รวมถึงยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมายเลยทีเดียว
     สำหรับสมาร์ทโฟนตระกูล  Samsung Galaxy S  นั้นถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับ Hi-End ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว และทุกครั้งที่มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ ก็ได้รับความสนใจอยู่เสมอ
     สมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ได้ใช้ชื่อตระกูล Galaxy ได้ถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 2009 และถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของค่ายที่รันบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 
     โดยเริ่มจาก Samsung Galaxy S, Samsung Galaxy S II,  Samsung Galaxy S III,  Samsung Galaxy S4, Samsung Galaxy S5 ใน  ปี 2014 และสำหรับในปี 2015 นั้นทาง Samsung ยังคงก้าวล้ำในด้านนวัตกรรมใหม่ๆ เรื่อยมา
     การมาของ Samsung Galaxy S6 นั้นถือเป็นรุ่นที่ 6 แล้วครับ แต่มันไม่ธรรมดาตรงที่ในค่ำคืนวันนี้นั้น  Samsung Galaxy S6 ไม่ได้มาเพียงรุ่นเดียวเพราะยังมี Samsung Galaxy S6 Edge มาเปิดตัวอีกหนึ่งรุ่น
     เราลองมาดูกันครับว่าสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 Edge ทั้งจะมีสเปคเป็นอย่างไรบ้าง รวมถึงมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากน้อยแค่ไหน ลองมาชมกันเลยครับ
Samsung Galaxy S6
Samsung Galaxy S6 edge
     ทั้ง Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge มาพร้อมหน้าจอกว้างขนาด 5.1 นิ้ว ความละเอียด QHD Super AMOLED (577 ppi)  กระจกทำจาก Gorilla Glass 4 พร้อมให้ความแข็งแรงทนทานมากขึ้น 50% 
     จะต่างกันเล็กน้อยตรงขนาดของตัวเครื่องเพราะ Galaxy S6 นั้นขนาดตัวเครื่อง 143.4 x 70.5 x 6.8  มิลลิเมตร และมีน้ำหนักตัวเครื่อง 138 กรัม, ส่วน Galaxy S6 edge มีขนาดตัวเครื่อง 142.1 x 70.1 x 7 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักตัวเครื่อง 132 กรัม
     Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 Edge มาพร้อมชิปเซ็ตแบบ  Exynos 7420, CPU 64-bit octa-core, หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop ครอบทับด้วย TouchWiz UI เวอร์ชันใหม่ล่าสุด มี 3 ความจุให้เลือกใช้งานครับนั้นคือ 32GB, 64GB และ 128 GB

     กล้องนั้นทั้ง 2 รุ่นมีความละเอียดเท่ากัน กล้องตัวหลักมาพร้อมความละเอีดย 16 ล้านพิกเซลพร้อมระบบ OIS มาพร้อม Real Time HDR กล้องหน้าความละเอียด 5MP F1.9 ให้ภาพที่คมชัดสวยงาม Samsung เคลมว่า S6 ถ่ายภาพและ vdo ได้ดีกว่า iPhone 6iPhone 6 Plus มากแค่ไหน! อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ทาง ซัมซุง ภูมิใจนำเสนอ 
   
ภาพถ่ายของกล้องด้านหลัง ระหว่าง iPhone 6 Plus และ Samsung Galaxy S6
การถ่ายวีดีโอ ระหว่าง iPhone 6 Plus และ Samsung Galaxy S6
     พิเศษสุดกับการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายที่เรียกว่า Built-in Wireless Charging ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กำลังจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟนยุคนี้ นั้นมันกำลังจะทำให้สายไฟจะกลายเป็นของล้าสมัยไปเลยทีเดียว ซึ่งเทคโนโลยี Wireless Charging จะช่วยขจัดตั้งแต่ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ทิ้งไป
     ฟีเจอร์ใหม่ใหม่อย่าง Fast Charging การใช้เวลาชาร์จแบตได้เร็วขึ้นนั้นคือชาร์จเพียง 10 นาที ใช้งานได้ยาวนานถึง 4 ชั่วโมง!

     นอกจากนี้นั้นในรุ่นใหม่ยังมีการปรับเปลี่ยนส่วนของ interface ให้ใช้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งinterface ใน Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S Edge  อิงการออกแบบของ Android 5.0 ทำให้เรียบง่าย เข้าใจง่ายขึ้น ตัดตัวที่ไม่จำเป็นออกบางส่วน

     Samsung Pay ระบบการชำระเงินบนมือถือแบบใหม่ ใช้ระบบ MST กับ NFC รองรับเครื่องอ่านบัตรได้หลากหลาก พร้อมใช้งานในสหรัฐฯ และเกาหลีใต้แล้ว นั้นหมายความว่าต่อไปเราสามารถใช้มือถือจ่ายเงินแทนบัตรเครดิตได้นั้นเองครับ
     Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge จะวางจำหน่ายในกลางเมษายนนี้ ซึ่งมีให้เลือกได้แก่ White Pearl, Black Sapphire, Gold Platinum และ Green Emerald ส่วนราคา ยังไม่ระบุครับ 
  
ที่มา : http://hitech.sanook.com/1394903/
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com