ติดตามข่าวสารอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่ thaizones.net นะครับ.. ^0^. ขับเคลื่อนโดย Blogger.
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ios 7 แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ios 7 แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556

8 วิธีประหยัดแบตเตอรี่แบบง่ายๆ หลังอัพเดท iOS 7

8 วิธีประหยัดแบตเตอรี่แบบง่ายๆ หลังอัพเดท iOS 7

หลังจากที่ทีมงาน techmoblog ได้เสนอ เคล็ดลับในการเพิ่มอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้กับ iPhone กันไปแล้วเมื่อหลายวันก่อน ก็ดูเหมือนจะถูกอกถูกใจ
ท่านที่กำลังประสบกับปัญหาแบตหมดไว วันนี้ ทางทีมงาน มีเคล็ดลับเพิ่มเติม กับการประหยัดแบตเตอรี่ ด้วยการปิดฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น จะมีอะไรบ้างนั้น มาติดตามกันเลยครับ
1) ปิด Parallax
Parallax ถือว่า เป็นลูกเล่นใหม่บน iOS 7 ที่ทำให้ภาพ background ธรรมดาๆ เคลื่อนไหวได้ แต่ก็มีผู้ใช้บางคน เผยว่า ฟีเจอร์ดังกล่าว ทำให้เกิดอาการเวียนหัว คล้ายกับเมารถ เมื่อใช้เป็นเวลานานๆ เนื่องจากจ้องหน้าจอมากเกินไป (ข่าวเก่า) ถ้าหาก Parallax ไม่จำเป็น การปิดฟีเจอร์ดังกล่าว จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ไปได้มากทีเดียว ด้วยการเข้าไปที่Settings > General > Accessibility > Reduce Motion ให้เปิดเป็น off ครับ
2) ปิด AirDrop หรือ Bluetooth เมื่อไม่ใช้งาน
AirDrop ฟีเจอร์แชร์ไฟล์ระหว่าง iPhone หรือ iPad ด้วย Bluetooth ถือว่า เป็นฟีเจอร์ที่สะดวกมากในการใช้งาน แต่เมื่อไม่ใช้แล้ว ควรจะปิดการใช้งาน เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ครับ ซึ่งวิธีการปิดใช้งาน AirDrop ก็คือ เข้าไปที่ Control Center แล้วคลิ๊กที่ปุ่ม AirDrop เพื่อปิดการใช้งาน หรือจะปิด Bluetooth เลยทีเดียว ก็สามารถปิดฟังก์ชั่น AirDrop ได้เช่นกัน
3) ปิดสัญญาณ Wi-Fi ถ้าไม่ต้องการเชื่อมต่อ
การเปิดให้ตัวเครื่องค้นหาสัญญาณ Wi-Fi อยู่ตลอดเวลา จะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานแบตเตอรี่โดยใช่เหตุครับ อีกทั้งตอนนี้ บน iOS 7 มีเมนูลัดสำหรับการเปิด-ปิด Wi-Fi แล้ว ทำให้การใช้งานสะดวกมากกว่าแต่ก่อน ด้วยการเข้าไปที่Control Center แล้วคลิ๊กไอคอน Wi-Fi ให้เป็นสีเทา แต่ถ้าเป็นสีขาวเมื่อไหร่ นั่นหมายความว่า ตัวเครื่องเปิดการค้นหาสัญญาณ Wi-Fi อยู่นั่นเอง
หรือใครที่ชอบวิธีการเปิด-ปิดแบบเดิมๆ ให้เข้าไปที่ Settings > Wi-Fi แล้วปิดใช้งานก็ได้เช่นกัน
4) ระบบปรับความสว่างหน้าจอแบบอัตโนมัติ สะดวกแต่เปลืองแบต
การที่เราเปิดให้ตัวเครื่อง ปรับความสว่างหน้าจอแบบอัตโนมัติ (auto-brightness) โดยปกติแล้ว จะทำการคู่กับเซ็นเซอร์ต่างๆ ซึ่งต้องใช้พลังงานแบตเตอรี่พอสมควร ฉะนั้น การปิดฟังก์ชั่นดังกล่าว แล้วหันมาปรับความสว่างหน้าจอแบบ manual จะช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้มากครับ ด้วยการเข้าไปที่ Settings > Wallpapers & Brightness แล้วปิด Auto-Brightness นอกจากนี้ เราสามารถปรับความสว่างของหน้าจอ ได้จากส่วนของ Control Center อีกด้วย
5) อย่าพยายามให้ตัวเครื่อง มีการแจ้งเตือนบ่อยเกินไป
ปัจจุบัน มีแอพพลิเคชั่นจำนวนมาก ที่มักจะส่งเรื่องราวแจ้งเตือน หรือ Notification ให้ผู้ใช้ได้ทราบความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งบางอย่าง เราไม่จำเป็นต้องรอการแจ้งเตือนก็ได้ เพราะยิ่งมีการแจ้งเตือนมากเท่าไหร่ หน้าจอ iPhone จะติดอยู่ตลอดเวลา และเป็นการสิ้นเปลืองแบตโดยใช่เหตุ ซึ่งเราสามารถลดการแจ้งเตือนของแอพพลิเคชั่นต่างๆ เหล่านี้ได้ ด้วยการเข้าไปที่ Settings > Notification Center แล้วเข้าไปตั้งค่าแต่ละแอพฯ ในส่วนของ Include ครับ
6) ถ้าไม่มีอีเมลใหม่เข้ามามากในแต่ละวัน ให้ตั้งค่าแบบ Manual
ปกติแล้ว บน iOS จะมีวิธีการเช็คอีเมลทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน ซึ่งได้แก่ Manual, Push และ Fetch ซึ่งการตั้งค่าแบบ Manual ก็คือ อยากเช็คเมื่อไหร่ ก็ให้รีเฟรชเมื่อนั้น ซึ่งวิธีนี้ถือว่า เป็นวิธีที่ประหยัดแบตเตอรี่ได้มากที่สุด แต่ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอีเมลสำคัญ โดยเฉพาะอีเมลงาน เข้ามามากในแต่ละวัน ส่วน Fetch นั้น เป็นวิธีการเช็คอีเมลแบบตั้งเวลาครับ เช่น ให้รีเฟรชทุกๆ 15 นาที 30 นาที หรือทุกๆ ชั่วโมง ซึ่งจะสิ้นเปลืองแบตเตอรี่ในระดับปานกลาง และสุดท้าย แบบ Push จะแจ้งเตือนทุกครั้งเมื่อมีอีเมลเข้ามาใหม่ ฉะนั้น ท่านที่มีอีเมลเข้ามาบ่อยๆ จะทำให้แบตเตอรี่หมดไว
อย่างไรก็ดี วิธีการเช็คอีเมล ขึ้นอยู่กับความสำคัญในการใช้งานครับ ถ้านานๆ ทีมีอีเมลมา ให้ตั้งแบบ Manual หรือมีอีเมลเข้ามาบ้าง ให้เป็น Fetch แต่ถ้าจำเป็นต้องติดต่ออยู่ตลอดเวลา ให้เป็น Push ครับ
7) ถ้าไม่ใช้ Siri ก็ปิดซะ
จริงอยู่ที่ Siri ถือเป็นฟีเจอร์ชูโรงของ iOS แต่เชื่อครับว่า หลายๆ ท่านแทบไม่ได้แตะ Siri เลย (เพราะพูดแล้ว Siri ไม่เข้าใจ) ฉะนั้น ถ้าไม่ใช่ Siri ก็ปิดครับ อย่างน้อยก็ช่วยประหยัดแบตไปได้มาก หรือถ้าจำเป็นต้องใช้ Siri เราก็สามารถประหยัดแบตเตอรี่ได้เช่นกัน ด้วยการปิดฟังก์ชัน Raise to Speak หรือการนำ iPhone แนบหูเพื่อเปิดใช้งาน Siri แทนการกดปุ่ม Home ซึ่งวิธีนี้ จะใช้เซ็นเซอร์อยู่ตลอดเวลา ทำให้เปลืองแบตครับ
8) ปิด 3G/4G เมื่อไม่ใช้งาน
ถึงแม้ในไทย จะยังไม่ได้สัมผัสความเร็วแบบ 4G แบบเต็มๆ แต่การปิดฟังก์ชันดังกล่าว จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ครับ เมื่อใดก็ตามที่ใช้งาน iPhone หรือ iPad ในบ้าน ที่มีการเชื่อมต่อ Wi-Fi อยู่แล้ว ให้ปิด Cellular Data เป็นการป้องกันไม่ให้แบตหมดไว จนกว่าจะออกนอกบ้าน ค่อยเปิดใช้งานก็ยังได้ครับ
และด้านบนก็คือ วิธีการประหยัดพลังงานแบตเตอรี่บน iOS 7 ลองนำไปปรับใช้กับการใช้งานในชีวิตประจำวันดูนะครับ smile
 รายละเอียดเพิ่มเติม : gizmodo.com
สนับสนุนเนื้อหา: www.techmoblog.com 
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2556

Apple ร่อนหมายเชิญอย่างเป็นทางการแล้ว

Apple ร่อนหมายเชิญอย่างเป็นทางการแล้ว

เมื่อวานทางทีมงาน Sanook! Hitech เพิ่งพูดไปว่างานอีเว้นท์ใหญ่ของทาง Apple กำลังใกล้เข้ามาแล้วแต่ ยังไม่มีสื่อไหนได้รับหมายเชิญรวมงานอย่างเป็นทางการแล้ว โดยงานจะมีขึ้นในวันที่ 10 กันยายน ณ. ที่สำนักงานใหญ่! ในเมือง Cupertino เวลา 10.00 เช้าเป็นต้นไป (ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา)
โดยในหมายเชิญนั้นมีอักษรภายใต้หัวข้อว่า "This should brighten everyone's day “นี่คงจำทำให้ชีวิตของทุกคนสดใสขึ้น”" 

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่คาดว่าจะเปิดตัวนั้น อย่างน้อยที่ทางทีมงานคาดว่ามาแน่นอนนั้นคือ iPhone 5C, iOS 7 ที่จะมาพร้อมกันสีสันที่สดใน เพราะในหมายเชิญที่ทาง Apple ส่งให้สือมวลชนนั้นหากสังเกตุจากทุกครั้งที่ผ่านมามักมีความในแฝงมาด้วยเสมอ!! 
และในส่วนของ iPhone 5S ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าจะมีการเปิดตัวในนี้หรือเปล่า คงต้องรอลุ้นกันอีกทีในวันที่ 10 กันยายน หรืออาทิตย์หน้านั้นเอง!!

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556

iPhone 5S Vs iPhone 5c ทั้งสเปคและราคา เหมือนและต่างกันอย่างไร อย่างไม่เป็นทางการ

iPhone 5S Vs iPhone 5c ทั้งสเปคและราคา เหมือนและต่างกันอย่างไร อย่างไม่เป็นทางการ
ยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้ 100% ว่า ข่าวคราวเกี่ยวกับทั้ง iPhone 5S (ไอโฟน 5s) ไอโฟนที่จะมีสีทองแชมเปญเพิ่มเข้ามา และ iPhone 5C (ไอโฟน 5c) ไอ โฟนพสาสติกหลากสีสัน ว่าเป็นเรื่องจริง หรือกุข่าวขึ้นมา ประกอบกับเมื่อหลายเดือนก่อน เริ่มมีโหมข่าวทั้ง  และ iphone 5c ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบของภาพนิ่ง และคลิปวิดีโอ เรียกได้ว่า อัพเดทกันรายวันเลยทีเดียว
มาดูกันว่า ถ้าหากทั้ง iphone 5s (ไอโฟน 5S) และ iphone 5c (ไอโฟน 5C) เปิดตัวจริงตามข่าวลือ จะมี สเปค และ ราคา ต่างกันมากน้อยแค่ไหน ซึ่งทีมงาน techmoblog ขอเปรียบเทียบให้เข้าใจกันง่ายขึ้น ในรูปแบบของตาราง โดยข้อมูลทั้งหมด รวบรวมมาจากข่าวลือที่ผ่านมาครับ
ตารางเปรียบเทียบ สเปค iPhone 5S vs iPhone 5C แบบไม่เป็นทางการ

สำหรับ iphone 5s นั้น หลายฝ่ายเชื่อว่า เปิดตัวจริงในปีนี้อย่างแน่นอนครับ เนื่องจากครบกำหนด product cycle พอดี แต่สิ่งที่เป็น ไฮไลท์ ให้กับวงการ iphone ก็คือ การเปิดตัว ไอโฟนเวอร์ชั่นพลาสติก ที่จะมาทำการตลาดในชื่อของ iphone 5c (ไอโฟน 5c) นั่นเอง ว่ากันว่า iPhone 5C นั้น จะเน้นในตลาดเกิดใหม่ อย่างเช่น ประเทศจีน หรือประเทศอินเดีย เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขาย iPhone ให้สูงขึ้น เนื่องจาก iPhone รุ่นปัจจุบัน มีราคาที่สูงมากในประเทศเหล่านี้ ทำให้ไม่สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้นั่นเอง
iPhone 5C (ไอโฟน 5c) น่าซื้อหรือไม่ ?
จากตารางข้างต้น จะเห็นได้ว่า สเปค iPhone 5c นั้น คล้ายกับ iPhone 5 มากทีเดียว และเชื่อกันว่า เมื่อ iPhone 5c (ไอโฟน 5c) เปิดตัวแล้ว iPhone 5 จะถูกถอดออกจาก line ผลิตภัณฑ์ทันที และ iPhone รุ่นรอง iphone 5c ก็คือ iPhone 4S ครับ ส่วนคำถามที่ว่า ถ้าจะให้เลือกระหว่าง iPhone 5c กับ iPhone 4S ดูเหมือน iphone 4s จะดีกว่าหรือเปล่า?? อย่างน้อยก็วัสดุดีกว่า แม้ขนาดหน้าจอจะเล็กกว่าก็ตาม อันนี้ก็ถือว่า เป็นความชื่นชอบส่วนบุคคลครับ แต่อย่าลืมว่า ยิ่ง iPhone รุ่นใหม่มากแค่ไหน การอัพเดท iOS รวมไปถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ จะได้ภาษีดีกว่ามาก ด้วยเหตุนี้ ทีมงาน techmoblog เชื่อว่า ต่อให้ iphone 5c ออกมาในรูปแบบของ ตัวเครื่องพลาสติกโพลีคาร์บอเนต ก็ยังสามารถจำหน่าย และตีตลาดได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะค่านิยมครับ เนื่องจากยังมีคนจำนวนมาก ที่อยากถือ iphone แต่ไม่มีงบประมาณมากพอที่จะซื้อมาใช้นั่นเอง
อย่างไรก็ดี ทางฝั่งของ Apple ผู้พัฒนา iPhone ยังไม่ออกมาให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว รวมไปถึงกำหนดการ เปิดตัว ทั้ง iPhone 5S (ไอโฟน 5s) และ iPhone 5C (ไอโฟน 5c) ในวันที่ 10 กันยายนนี้ ก็ยังไม่มีการยืนยันที่แน่ชัดเช่นกันครับ
เรียบเรียงข้อมูลโดย : techmoblog.com

วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ข่าวลือ iPhone 5S และ iPhone 5C จะเริ่มวางจำหน่าย 20 ก.ย. นี้ ส่วน iOS7 จะปล่อยอย่างเป็นทางการ 16 ก.ย. นี้

ข่าวลือ iPhone 5S และ iPhone 5C จะเริ่มวางจำหน่าย 20 ก.ย. นี้ ส่วน iOS7 จะปล่อยอย่างเป็นทางการ 16 ก.ย. นี้

หลังจากมีทั้งภาพหลุดและวันที่เปิดตัวรุ่น iPhone 5C และ iPhone 5S แล้ว ล่าสุดสื่อต่างประเทศรายงาน Apple พร้อมวางจำหน่ายทั้ง 2 รุ่นในวันที่ 20 กันยายน (น่าจะในสหรัฐอเมริกาที่แรก)


new iphone

ถ้าลองคิดตามรายงานนี้ ก็หมายความว่า iPhone 5C จะต้องเปิดตัวพร้อมกับ iPhone 5S ในวันที่ 10 กันยายนนี้ ราคาที่คาดการณ์ไว้คือ $99 หรือประมาณ 3,000 เป็นราคาติดสัญญาเครือข่ายในสหรัฐอเมริกาครับ โดย iPhone 5C จะมาแทนที่ iPhone 5 เพื่อเจาะตลาดระดับกลาง ขณะที่ iPhone 4S จะยังคงวางจำหน่ายต่อไป โดย iPhone 5 จะหยุดการผลิดทันทีในไตรมาส 4 ของปีนี้ แต่ iPhone 4S จะยังคงผลิตต่อไป สุดท้ายแล้ว Apple จะเหลือรุ่นที่วางจำหน่ายดังนี้ (ด้านล่างเป็นราคาแบบไม่ติดสัญญา)
  • iPhone 5S ราคาจะอยู่ที่ประมาณ $600-700 หรือประมาณ 18,xxx-21,xxx บาท
  • iPhone 5C ราคาจะอยู่ที่ประมาณ $400-500 หรือประมาณ 12,xxx-15,xxx บาท
  • iPhone 4S ราคาจะอยู่ที่ประมาณ $300-400 หรือประมาณ 9,xxx-12,xxx บาท
  • iPhone 4 ราคาจะอยู่ที่ประมาณ $200-300 หรือประมาณ 6,xxx-9,xxx บาท

iOS7

ตามรายงานบอกว่า iOS 7 จะเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 กันยายนนี้ ส่วน iPad 5 และ iPad mini 2 จะเปิดตัวหลังจากนี้ราว ๆ วันที่ 25 เดือนตุลาคมปีนี้ จะสรุปได้ดังนี้
  • 10 กันยายน : Apple ประกาศเปิดตัว iPhone 5S และ iPhone 5C
  • 16 กันยายน : Apple ปล่อย iOS 7 ให้ใช้งานอย่างเป็นทางการ
  • 20 กันยายน : Apple เริ่มวางจำหน่าย iPhone 5S และ iPhone 5C ในสหรัฐอเมริกาที่แรก
  • 25 ตุลาคม : Apple เปิดตัว iPad 5 และ iPad mini 2 พร้อมวางจำหน่ายทันทีในสหรัฐอเมริกาที่แรก
ข้อมูลทั้งหมดนี้ยังถือว่าเป็นเพียงข่าวลือนะครับ ไม่มีใครยืนยันได้ คงต้องคอยติดตามกันต่อไปครับ... 

ที่มา : PhoneArena

วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Google ถอดแอพเลียนแบบ iOS 7


iOS 7 - หนึ่งในอินเตอร์เฟซใหม่ประจำ iOS 7 คือ Control Center แผงควบคุมการใช้งานที่เปรียบเสมือนทางลัดในการตั้งค่าการใช้งานต่างๆ ด้วยหน้าตาที่ค่อนข้างโดนใจผู้ใช้แอนดรอยด์หลายต่อหลายคนทำให้ทีมนักพัฒนาแอพกลุ่มหนึ่งคิดค้นแอพพลิเคชั่นที่หน้าตาเหมือน Control Center ขึ้นมา แต่ความเหมือนของแอพตัวนี้ทำให้ Apple ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ เป็นเหตุให้ Apple ยื่นเรื่องถึง Google ขอให้ถอดแอพตัวดังกล่าวออกจาก Google Play
แอพที่ว่านี้มีชื่อว่า Control Center เกิดจากทีมพัฒนาในนาม Hi Tools Studio เป็นแอพสำหรับชาวแอนดรอยด์ที่ต้องการมี Control Center เฉกเช่นเดียวกับ iOS 7 จาก Apple เมื่อติดตั้งเสร็จและเปิดใช้งานแอพนี้ผู้ใช้แอนดรอยด์จะพบอินเตอร์เฟซของ Control Center และฟีเจอร์การเรียกใช้งานที่แทบจะก็อปมาจาก iOS 7 เลยก็ว่าได้ แต่แอพตัวนี้กลับสร้างความไม่พอใจให้กับ Apple จึงเป็นเหตุให้พวกเขายื่นเรื่องถึง Google เพื่อขอให้ถอดแอพตัวดังกล่าวออกจาก Google Play เพราะมองว่าแอพนี้ลอกเลียนแบบ iOS 7 ซึ่งเป็นอินเตอร์เฟซหลักของ iOS 7 และลิขสิทธิ์ของ Apple แต่เพียงผู้เดียว ฉะนั้น Google จึงรีบดำเนินถอดแอพ Control Center ออกจาก Google Play หลังจากได้รับการร้องเรียนจาก Apple
อย่างไรก็ตามทางทีมพัฒนา Hi Tools Studio ยังคงดื้อดึงต่อการถอดแอพ Control Center ของ Google พร้อมส่งแอพชนิดเดียวกันแต่มีการปรับโค้ดบางอย่างลงใน Google Play อีกครั้งแล้ว
สำหรับอินเตอร์เฟซ Control Center จาก iOS 7 แม้จะดูว่าเป็นของใหม่ที่ Apple พยายามหยิบมานำเสนอเพื่อความสะดวกของผู้ใช้ แต่ชาวแอนดรอยด์ก็ยังมองว่า Apple ก็อบอินเตอร์เฟซนี้จากแอนดรอยด์แต่เปลี่ยนไอเดียตรงที่ใช้นิ้วลากจากด้านล่างหน้าจอในขณะที่ Android ลากจากด้านบนลงมา
อ้างอิงจาก electronista
สนับสนุนเนื้อหา: www.arip.co.th
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com